บอกลาเช้าที่น่าเบื่อของคุณด้วยแพนเค้กแสนอร่อย
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยมีวันที่เร่งรีบจนไม่มีเวลาทำอาหารเช้ากันใช่ไหมคะ ปัญหานี้จะหมดไปเพียงแค่มีมินิแพนเค้กห่อนี้ติดช่องแช่แข็งเอาไว้ คุณก็จะได้ทานแพนเค้กเนื้อเนียนนุ่มพร้อมกลิ่นเนยหอมกรุ่น และรสชาติหวานนิดๆ โดยไม่ต้องมานั่งผสมแป้งเองให้เสียเวลา มาในขนาดมินิ น้ำหนักชิ้นละประมาณ 20 กรัม อิ่มพอดีๆ ไม่ว่าจะทานคู่กับวิปครีม ผลไม้สด ราดน้ำผึ้ง ทาแยม หรือจะประยุกต์เป็นเมนูอื่นๆ ก็ง่าย สะดวก อร่อยได้ทั้งครอบครัวค่ะ
วิธีอร่อยกับมินิแพนเค้ก
• รับประทานแบบอุณหภูมิปกติ: นำแพนเค้กออกจากช่องแช่แข็ง ตั้งไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 30-40 นาที
• รับประทานแบบอุ่น: นำแพนเค้กออกมาใส่ภาชนะสำหรับนำเข้าไมโครเวฟ ใช้เวลาอุ่นประมาณ 1-2 นาที (ขึ้นอยู่กับกำลังไฟของไมโครเวฟ)
เคล็ดลับการทำข้าวหน้าเนื้อให้อร่อยอยู่นี่แล้ว
ชาเขียวเซนฉะชนิดชงได้ทั้งร้อนและเย็น ความแตกต่างจากชาเขียวทั่วไปที่คุณไม่ควรมองข้าม!!
มาลองชิมไก่ทอดทัตสึตะอาเกะสไตล์ญี่ปุ่นกันค่ะ
เมนูไก่ทอดเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายๆ คน เนื้อไก่นุ่มๆ ชุ่มฉ่ำ ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้แป้งกรอบๆ แค่คิดก็ฟินแล้วใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งเมนูไก่ชุบแป้งทอดสไตล์ญี่ปุ่นนี่บอกเลยว่าพลาดไม่ได้ ไม่ว่าจะรับประทานเป็นมื้อหลักหรือเอาไว้เป็นของทานเล่นก็เคี้ยวเพลินไม่ต่างกัน
เราขอแนะนำไก่ทอดทัตสึตะอาเกะรสชาติเยี่ยมเกรดส่งออก ทำจากสะโพกไก่เนื้อนุ่ม นำมาปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองสูตรพิเศษให้อร่อยกลมกล่อม เพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยกลิ่นหอมจากกระเทียมและขิงที่ผสานเข้ากันเป็นอย่างดี เคลือบด้วยแป้งที่ไม่หนาจนเกินไป ให้สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน ไม่เลี่ยน ไม่ว่าจะอุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟ นำเข้าหม้อทอดไร้น้ำมัน หรือทอดในน้ำมันร้อนๆ ก็อิ่มอร่อยได้ง่ายๆ ค่ะ
มาทำราเมงสไตล์ญี่ปุ่นกันเถอะ
ราเมงรสน้ำมันงา เป็นราเมงรสชาติที่ได้รับความนิยมและขายดีติดอันดับในญี่ปุ่น เมื่อปรุงเสร็จจะได้กลิ่นหอมของงาคั่วอย่างชัดเจน น้ำซุปปรุงรสด้วยโชยุ เพื่อเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้น ควรเติมเนื้อสัตว์และผักตามชอบ 1 แพ็ค บรรจุ 5 ซอง วิธีทำ 1. ใส่น้ำปริมาณ 500ml. ลงหม้อ ต้มให้เดือด เมื่อน้ำเดือดให้ใส่เส้นลงไปต้มประมาณ 3 นาที 2. ใช้น้ำร้อนเล็กน้อยละลายผงซุปลงในชาม หลังจากเส้นได้ที่แล้วนำเส้นใส่ชาม เติมน้ำที่ต้มเส้นลงไปในถ้วย คนให้เข้ากัน 3. เทน้ำมันงาปรุงรสลงไป เสริ์ฟพร้อมเนื้อสัตว์ หรือผักตามชอบ
การทำซุปมิโซะจะไม่ยากอีกต่อไป!!
ผสานความอร่อยของมันฝรั่งและฟักทองฮอกไกโดเนื้อเนียน เหนียวนุ่ม กรอบอร่อยกำลังพอดี
โคร็อกเกะจากแบรนด์ซันมารูโกะห่อนี้ ผลิตโดยใช้วัตถุดิบคุณภาพดีอย่างมันฝรั่งบารอน (だんしゃく, Danshaku) และฟักทองฮอกไกโด ทำให้ได้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม รสชาติหวานมันกลมกล่อมกำลังพอดี นำมาคลุกแป้งและเกล็ดขนมปังแล้วทอดจนเหลืองกรอบ ปราศจากสารเคมีแต่งกลิ่น สี และวัตถุกันเสีย อร่อยง่ายๆ เพียงอุ่นในไมโครเวฟ เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศหรือมายองเนส นิยมจัดใส่เบนโตะเป็นอาหารกลางวันของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รับประทานเป็นของว่าง หรือรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็เข้ากันได้ดีค่ะ
อร่อยสะดวกกับมิโซะที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นมานานกว่า 20 ปี
เอ็นจูกุ โคจิ มิโซะ สติ๊ก (Enjuku Koji Miso Stick) จากแบรนด์ฮิคาริมิโซะ (Hikari-Miso) เป็นมิโซะที่บรรจุมาในรูปแบบซองแท่งสำหรับใช้ครั้งเดียว ให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของซุปมิโซะที่สดใหม่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยหมดกังวลกับปัญหามิโซะแห้งอันเนื่องมาจากการสัมผัสกับอากาศ เราเลือกใช้เอ็นจูกุ โคจิ มิโซะ หนึ่งในมิโซะที่ขายดีที่สุดมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี มีสีเบจสว่างและรสชาติอันสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างความอูมามิและความหวาน ผสมเข้ากับสาหร่ายทะเลและน้ำซุปดาชิจากปลาโบนิโต้ให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น เนื้อมิโซะละลายง่าย เพียงเติมเต้าหู้และสาหร่ายวากาเมะลงไปซุปมิโซะร้อนๆ ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
ชวนคุณมาลองชิมชาจากเมืองยาคุชิมะ
เมืองยะกุชิมะ (Yakushima) เป็นเกาะเขตร้อนนอกชายฝั่งทางตอนใต้ของคิวชู บนเกาะจะปกคลุมไปด้วยป่าสนและต้นไม้เก่าแก่ บางต้นมีอายุมากกว่า 100 ปี!! เมืองยากุชิมะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี 1993 ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์สภาพแวดล้อมเหมาะกับการปลูกชา เพราะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,000 เมตร ใบชาที่ได้จะมีรสชาติกลมกล่อม และหอมมาก หากท่านไหนที่อยากลองรสสัมผัสใหม่ๆแนะนำค่ะ
วิธีชงชาให้ได้รสชาติแบบดั้งเดิม
1. นำชาออกจากกล่อง 1 ถุง ต่อ 1 ถ้วย
2. ต้มน้ำให้ร้อน เทน้ำลงไปในถ้วย แช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาที หรือ 1 นาที
3. แกว่งถุงชาเบาๆ และนำออกจากถ้วย
เตรียมเนื้อสัตว์และผักให้พร้อม แล้วมาอร่อยกันกับเมนูยากิโซบะ
หนึ่งในเมนูเส้นยอดนิยมของญี่ปุ่นคงจะหนีไม่พ้นยากิโซบะอย่างแน่นอน คุณสามารถอร่อยกับยากิโซบะรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ได้ที่บ้านแค่มี "Itsuki" ห่อนี้ ภายในห่อบรรจุเส้นโซบะหนานุ่มมาพร้อมซอสที่ทำมาจากเครื่องเทศกว่า 10 ชนิดและความเข้มข้นของผักผลไม้ (วูสเตอร์ซอส) รสชาติกลมกล่อมทั้งเค็ม หวาน เผ็ดและเปรี้ยวเล็กน้อย เพียงแค่เตรียมวัตถุดิบอย่างกะหล่ำปลี, แครอท, หอมหัวใหญ่, และเนื้อสัตว์ที่ชอบแล้วนำมาผัดให้เข้ากัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทียากิโซบะร้อนๆ ก็พร้อมเสิร์ฟ สะดวกยิ่งขึ้นด้วยการแพ็คเส้นโซบะแบบสูญญากาศและซองซอสแยกกัน 3 ชุดต่อ 1 ห่อ
วิธีทำ (สำหรับ 1 ที่)
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ผัดเนื้อสัตว์และผักที่ชอบจนสุก
2. คลายเส้นโซบะออกจากกัน ใส่เส้นลงไปผัดให้เข้ากับส่วนผสมอื่นๆ
3. ใส่ซอสลงไปผัดให้เข้ากันจนกว่าเส้นจะสุกและนุ่มตามต้องการ ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ
ซุปมิโซะผสมเนื้อหอยชิจิมิ 70 ตัว อร่อย เข้มข้น!!
ซุปมิโซะเป็นเมนูคู่โต๊ะอาหารญี่ปุ่นที่ใครๆ ก็ติดใจ Honmono Nippon นำเข้าซุปมิโซะกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทานจากแบรนด์ Nagatanien ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของญี่ปุ่นมาให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง ซุปมิโซะซองนี้ผสมด้วยเนื้อหอยชิจิมิ 70 ตัว ทำให้รสชาติมีความอร่อยอูมามิ แถมสะดวกสบายเพราะมาในรูปแบบผงที่ละลายง่าย ทำอาหารไม่เก่งก็ไม่ใช่ปัญหา แค่เพียงเทใส่ถ้วยแล้วเติมน้ำร้อนลงไป ซุปมิโซะร้อนๆ ก็พร้อมทานแล้วค่ะ
สำหรับคนรักแซลมอนที่มองหาวัตถุดิบคุณภาพสูงสุด พร้อมความสะดวกในการทำอาหาร ปลาแซลมอนแอตแลนติก (Atlantic Salmon) จากแบรนด์ คุก (Cooke) คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด เพราะนี่คือปลาแซลมอนที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดในโลก และผ่านการแล่ตัดแต่งอย่างพิถีพิถัน
คุณภาพจากแหล่งกำเนิด: ชิลี (Chile)
ปลาแซลมอนของ Cooke ได้รับการเลี้ยงในแหล่งน้ำที่บริสุทธิ์และเย็นจัดของประเทศ ชิลี โดยเฉพาะในเขตไอเซน (Aysén region) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลและมีสภาพแวดล้อมทางทะเลที่สมบูรณ์ การเลี้ยงในสภาพธรรมชาติที่ดีเยี่ยมนี้ ทำให้ปลาแซลมอนมีเนื้อที่นุ่ม สีส้มสดใส และมีรสชาติที่สะอาด พร้อมไขมัน (Omega-3) ที่สมดุลตามธรรมชาติ
แบรนด์ Cooke ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และมีการใช้มาตรฐานการเพาะเลี้ยงอย่างเข้มงวด เพื่อส่งมอบอาหารทะเลคุณภาพสูงสู่ผู้บริโภคทั่วโลก
การแล่ Trim-C เพื่อความสมบูรณ์แบบ
Trim-C คือมาตรฐานการแล่ปลาแซลมอนที่การันตีว่าเนื้อปลาของคุณถูกตัดแต่งอย่างพิถีพิถันสูงสุด
ความสะอาดสูงสุด: เนื้อปลาถูกนำก้างใหญ่ออกทั้งหมด รวมถึงก้างบริเวณท้อง (Belly Bone) และก้างซี่โครง (Pin Bone)
พร้อมใช้งานทันที: ทำให้คุณสามารถนำเนื้อปลาไปหั่นเป็นชิ้นสำหรับทำซาชิมิ ซูชิ หรือนำไปปรุงอาหารได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเลาะก้างหรือตัดแต่งไขมันส่วนเกินเอง
เมนูอร่อยที่แนะนำ
ด้วยคุณภาพของปลาแซลมอนแอตแลนติกจากชิลี และการตัดแต่งแบบ Trim-C ที่สะอาด ทำให้เนื้อปลาชนิดนี้เหมาะสำหรับทุกเมนู:
ซาชิมิ/ซูชิ: เนื้อปลานุ่ม สีสวย สามารถนำไปหั่นเป็นชิ้นเพื่อสัมผัสความสดใหม่แบบเต็มคำ
สเต็กปลาแซลมอน: นำไปย่างหรือจี่บนกระทะเพื่อดึงรสชาติไขมันธรรมชาติออกมาให้หอมกรุ่น
อบ/เบค: อบพร้อมเครื่องเทศหรือสมุนไพร เพื่อมื้ออาหารที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ
ไม่ว่าคุณจะทำอาหารในบ้านหรือต้องการวัตถุดิบคุณภาพเพื่อเสิร์ฟในร้านอาหาร ปลาแซลมอนแอตแลนติก Trim-C จาก Cooke คือทางเลือกที่จะช่วยยกระดับทุกเมนูของคุณให้เป็นมื้อพิเศษได้ง่ายดาย
วิธีละลายสินค้าแช่แข็ง
❄️ ละลายในตู้เย็น (แนะนำที่สุด)
- วางสินค้าไว้ในช่องธรรมดาของตู้เย็นประมาณ 6-12 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาด)
- วิธีนี้ช่วยรักษาคุณภาพและความสดของสินค้าได้ดีที่สุด
❄️ ละลายในน้ำเย็น (สำหรับการเร่งเวลา)
- นำสินค้าทั้งถุงแช่ในน้ำเย็น
- เปลี่ยนน้ำใหม่ทุก 30 นาที จนกว่าสินค้าจะคลายตัว
❄️ ละลายในอุณหภูมิห้อง (เฉพาะบางประเภท)
- วางสินค้าไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 40 นาที
สำหรับคนรักแซลมอนที่มองหาวัตถุดิบคุณภาพสูงสุด พร้อมความสะดวกในการทำอาหาร ปลาแซลมอนแอตแลนติก (Atlantic Salmon) จากแบรนด์ คุก (Cooke) คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด เพราะนี่คือปลาแซลมอนที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดในโลก และผ่านการแล่ตัดแต่งอย่างพิถีพิถัน
คุณภาพจากแหล่งกำเนิด: ชิลี (Chile)
ปลาแซลมอนของ Cooke ได้รับการเลี้ยงในแหล่งน้ำที่บริสุทธิ์และเย็นจัดของประเทศ ชิลี โดยเฉพาะในเขตไอเซน (Aysén region) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลและมีสภาพแวดล้อมทางทะเลที่สมบูรณ์ การเลี้ยงในสภาพธรรมชาติที่ดีเยี่ยมนี้ ทำให้ปลาแซลมอนมีเนื้อที่นุ่ม สีส้มสดใส และมีรสชาติที่สะอาด พร้อมไขมัน (Omega-3) ที่สมดุลตามธรรมชาติ
แบรนด์ Cooke ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และมีการใช้มาตรฐานการเพาะเลี้ยงอย่างเข้มงวด เพื่อส่งมอบอาหารทะเลคุณภาพสูงสู่ผู้บริโภคทั่วโลก
การแล่ Trim-C เพื่อความสมบูรณ์แบบ
Trim-C คือมาตรฐานการแล่ปลาแซลมอนที่การันตีว่าเนื้อปลาของคุณถูกตัดแต่งอย่างพิถีพิถันสูงสุด
ความสะอาดสูงสุด: เนื้อปลาถูกนำก้างใหญ่ออกทั้งหมด รวมถึงก้างบริเวณท้อง (Belly Bone) และก้างซี่โครง (Pin Bone)
พร้อมใช้งานทันที: ทำให้คุณสามารถนำเนื้อปลาไปหั่นเป็นชิ้นสำหรับทำซาชิมิ ซูชิ หรือนำไปปรุงอาหารได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเลาะก้างหรือตัดแต่งไขมันส่วนเกินเอง
เมนูอร่อยที่แนะนำ
ด้วยคุณภาพของปลาแซลมอนแอตแลนติกจากชิลี และการตัดแต่งแบบ Trim-C ที่สะอาด ทำให้เนื้อปลาชนิดนี้เหมาะสำหรับทุกเมนู:
ซาชิมิ/ซูชิ: เนื้อปลานุ่ม สีสวย สามารถนำไปหั่นเป็นชิ้นเพื่อสัมผัสความสดใหม่แบบเต็มคำ
สเต็กปลาแซลมอน: นำไปย่างหรือจี่บนกระทะเพื่อดึงรสชาติไขมันธรรมชาติออกมาให้หอมกรุ่น
อบ/เบค: อบพร้อมเครื่องเทศหรือสมุนไพร เพื่อมื้ออาหารที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ
ไม่ว่าคุณจะทำอาหารในบ้านหรือต้องการวัตถุดิบคุณภาพเพื่อเสิร์ฟในร้านอาหาร ปลาแซลมอนแอตแลนติก Trim-C จาก Cooke คือทางเลือกที่จะช่วยยกระดับทุกเมนูของคุณให้เป็นมื้อพิเศษได้ง่ายดาย
วิธีละลายสินค้าแช่แข็ง
❄️ ละลายในตู้เย็น (แนะนำที่สุด)
- วางสินค้าไว้ในช่องธรรมดาของตู้เย็นประมาณ 6-12 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาด)
- วิธีนี้ช่วยรักษาคุณภาพและความสดของสินค้าได้ดีที่สุด
❄️ ละลายในน้ำเย็น (สำหรับการเร่งเวลา)
- นำสินค้าทั้งถุงแช่ในน้ำเย็น
- เปลี่ยนน้ำใหม่ทุก 30 นาที จนกว่าสินค้าจะคลายตัว
❄️ ละลายในอุณหภูมิห้อง (เฉพาะบางประเภท)
- วางสินค้าไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 40 นาที
เจลลี่ใสผสมเนื้อส้ม อร่อย สดชื่น
เจลลี่เนื้อเนียนใส ชุ่มฉ่ำ รสส้มมิคัง ผสมผสานความอร่อยของน้ำส้มและเนื้อส้มมิคังชิ้นใหญ่จุใจ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน หอมกลิ่นผลไม้ สดชื่น ทานง่าย ทั้งอร่อยและได้ประโยชน์จากเนื้อผลไม้แบบเต็มๆ
ส้มมิคัง หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ส้มหวานญี่ปุ่น" เป็นผลไม้ยอดนิยมจากแดนอาทิตย์อุทัย ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติหวานฉ่ำ เนื้อสัมผัสชุ่มฉ่ำ ไร้เมล็ด ทานง่าย และอุดมไปด้วยสารอาหารและประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ดังนี้
1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ส้มมิคังอุดมไปด้วยวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
2. ต้านอนุมูลอิสระ: ส้มมิคังมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย
3. ดีต่อระบบย่อยอาหาร: ส้มมิคังมีใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
4. บำรุงผิวพรรณ: วิตามินซีในส้มมิคังช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชะลอริ้วรอย และช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์
5. บำรุงสายตา: ส้มมิคังมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา
6. บำรุงกระดูก: ส้มมิคังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน
7. บำรุงระบบประสาท: ส้มมิคังมีวิตามินบีรวม ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
8. ลดความดันโลหิต: โพแทสเซียมในส้มมิคังช่วยลดความดันโลหิต เหมาะสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
9. ป้องกันนิ่วในไต: ใยอาหารในส้มมิคังช่วยชะล้างของเสียในไต ป้องกันการเกิดนิ่วในไต
10. เพิ่มพลังงาน: ส้มมิคังมีน้ำตาลธรรมชาติ ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย คลายความอ่อนเพลีย
11. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: ส้มมิคังมีโพแทสเซียมสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
12. ป้องกันโรคโลหิตจาง: ส้มมิคังมีธาตุเหล็กสูง ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
ใครที่ชอบทานสาหร่าย ห่อนี้คุ้มมากค่ะ
เคล็ดลับความอร่อยกับซอสที่มียอดขายอันดับ 1 ของญี่ปุ่น
มันหวานจากญี่ปุ่น หวาน นุ่ม ชุ่มฉ่ำ ใครๆ ก็ติดใจ
เราคัดเลือกมันหวานลูกใหญ่ size L สายพันธุ์เบนิฮารุกะ จากประเทศญี่ปุ่น
ด้วยภูมิประเทศอันเหมาะสมและดินภูเขาไฟที่อุดมด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย จึงทำให้มันหวานที่ได้มีเนื้อสีทองสวย เนียนนุ่ม ละเอียด ปราศจากเสี้ยน และรสชาติหวานฉ่ำกว่าที่อื่น เหมาะที่จะนำมาอบหรือเผาเพื่อรับประทานตอนร้อนๆ จะยิ่งอร่อยละมุนลิ้น หรือหากทานไม่หมดสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรับประทานแบบเย็น ก็จะได้ความอร่อยไปอีกแบบค่ะ
วิธีอบมันหวานญี่ปุ่นด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน
1. ล้างมันหวานให้สะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที
2. ห่อมันหวานด้วยฟอยล์สำหรับห่ออาหาร จากนั้นนำเข้าหม้อทอดไร้น้ำมัน ใช้อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ระยะเวลาประมาณ 40-60 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณของมันหวานที่อบ
3. เมื่อครบเวลา ให้ปล่อยมันหวานไว้ในหม้อทอดไร้น้ำมันเฉยๆ อีกประมาณ 10 นาที เพื่อให้เนื้อมันหวานระอุยิ่งขึ้น แล้วค่อยนำออกมารับประทานค่ะ
หมายเหตุ:
• ทดลองเสียบไม้จิ้มฟันหรือส้อมลงในเนื้อมัน หากเสียบได้ง่ายโดยไม่ติดขัด แสดงว่าสุกพร้อมรับประทาน
• หากนำมันหวานออกมาแล้วยังไม่สุก แนะนำให้อบต่อตามต้องการด้วยอุณหภูมิประมาณ 160 องศาเซลเซียส
มันหวานจากญี่ปุ่น หวาน นุ่ม ชุ่มฉ่ำ ที่ใครๆ ก็ติดใจ
เราคัดเลือกมันหวานลูกใหญ่ size M สายพันธุ์เบนิฮารุกะ จากประเทศญี่ปุ่น ด้วยภูมิประเทศอันเหมาะสมและดินภูเขาไฟที่อุดมด้วยแร่ธาตุต่างๆมากมาย จึงทำให้มันหวานที่ได้มีเนื้อสีทองสวย เนียนนุ่ม ละเอียด ปราศจากเสี้ยน และรสชาติหวานฉ่ำกว่าที่อื่น เหมาะที่จะนำมาอบหรือเผา เมื่อได้รับประทานตอนร้อนๆ จะยิ่งอร่อยละมุนลิ้น หรือหากทานไม่หมดสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรับประทานแบบเย็น ก็จะได้ความอร่อยไปอีกแบบค่ะ
วิธีอบมันหวานญี่ปุ่นด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน
1. ล้างมันหวานให้สะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที
2. ห่อมันหวานด้วยฟอยล์สำหรับห่ออาหาร จากนั้นนำเข้าหม้อทอดไร้น้ำมัน ใช้อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ระยะเวลาประมาณ 40-60 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณของมันหวานที่อบ
3. เมื่อครบเวลา ให้ปล่อยมันหวานไว้ในหม้อทอดไร้น้ำมันเฉยๆ อีกประมาณ 10 นาที เพื่อให้เนื้อมันหวานระอุยิ่งขึ้น แล้วค่อยนำออกมารับประทานค่ะ
หมายเหตุ:
• ทดลองเสียบไม้จิ้มฟันหรือส้อมลงในเนื้อมัน หากเสียบได้ง่ายโดยไม่ติดขัด แสดงว่าสุกพร้อมรับประทาน
• หากนำมันหวานออกมาแล้วยังไม่สุก แนะนำให้อบต่อตามต้องการด้วยอุณหภูมิประมาณ 160 องศาเซลเซียส
ราเมนจากแบรนด์นิสชิน การันตีถึงรสชาติและคุณภาพ
ราเมนจากแบรนด์นิสชิน แบรนด์ที่ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีชื่อเสียงระดับโลก การันตีถึงคุณภาพและรสชาติค่ะ ราเมนแบบเส้นตรง 1 ห่อ สามารถทำได้ทั้งหมด 2 ที่ ตัวเส้นเหนียวนุ่ม เข้ากันได้ดีกับน้ำซุปกระดูกหมูรสชาติเข้มข้น หอมมัน ตัดเลี่ยนด้วยผักกาดดองญี่ปุ่นทาคานะ 1 ในผักดองที่ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานมากที่สุด ทำให้ราเมนถ้วยนี้ครบรส ยิ่งทาน ยิ่งอร่อย
วิธีทำ
• ใช้น้ำ 450ml. ต่อเส้น 1 ห่อ เมื่อน้ำเดือดให้ใส่เส้นลงไป ใช้เวลาต้มเส้นประมาณ 3 นาที ระหว่างนี้ให้ใส่น้ำซุปที่ให้มาลงไปในชาม
• เมื่อเส้นได้ที่ ยกลงจากเตา เทน้ำร้อนลงไปในชามที่เทหัวเชื้อน้ำซุปไว้ จากนั้นให้ใส่เส้นลงไป
• เติมผักทาคานะลงไป พร้อมเนื้อสัตว์หรือท๊อปปิ้งตามชอบ
ข้าวญี่ปุ่นจากเมืองฮอกไกโด เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์
ชวนคุณมาชิมข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ ปลูกที่เมืองฮอกไกโด เมืองที่ธรรมชาติสวยงาม น้ำใสสะอาด ข้าวที่ได้มีรสชาติหวาน นุ่ม เหนียว เคี้ยวเพลิน เหมาะกับทำอาหารญี่ปุ่นอย่างเมนูข้าวซูชิ ข้าวปั้นโอนิกิริ มาลองชิมความแตกต่างของรสชาติข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ กันค่ะ หากสนใจทำเมนูข้าวซูชิ เรามีน้ำส้มปรุงรสข้าว และสาหร่ายสำหรับห่อข้าว ขายด้วยนะคะ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบา ๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำเวลาหุงข้าวจะนุ่มไม่กระด้าง
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ คนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บในที่แห้งและเย็น
2. ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
3. หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
1. คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
2. ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
3. ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
ขอเชิญคุณมาสัมผัส "รสชาติใหม่" ของวาซาบิ ที่แตกต่างจากวาซาบิบดแบบเดิม ๆ ค่ะ นี่คือประสบการณ์ของความเผ็ดซ่าที่มาพร้อมกับเนื้อสัมผัสกรุบกรอบในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่คุณไม่ควรพลาดเลยนะคะ
คิซามิ วาซาบิ (Kizami Wasabi) แปลตรงตัวว่า วาซาบิสับ (Chopped Wasabi) เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเอา ก้านและหัววาซาบิแท้ (Hon Wasabi) มาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ หยาบ ๆ แทนการนำไปบดละเอียดแบบที่เราคุ้นเคยกันค่ะ จากนั้นจึงนำไปปรุงรสด้วย โชยุ (Shoyu) และเครื่องปรุงอื่น ๆ ในสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อให้ได้วาซาบิที่มีรสชาติกลมกล่อม มีความเผ็ดซ่าที่ลงตัว และมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของวาซาบิแท้ Kinjirushi เป็นแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านวาซาบิที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนานในประเทศญี่ปุ่น โดยผลิตภัณฑ์ "คิซามิ วาซาบิ รสโชยุ" นี้ เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติที่เข้มข้นจัดจ้าน ทำให้สามารถนำไปใช้ร่วมกับอาหารได้หลากหลายประเภทมากขึ้น
จุดเด่นสำคัญของ คิซามิ วาซาบิ คือ เนื้อสัมผัสแบบ "กรุบกรอบ" (Shakishaki) จากชิ้นส่วนของก้านวาซาบิที่ถูกสับหยาบ ๆ ซึ่งให้ความสนุกและมิติใหม่ในการรับประทาน ไม่เหมือนวาซาบิแบบบดที่เป็นเนื้อครีม และด้วยการปรุงรสด้วยโชยุ ทำให้วาซาบิชนิดนี้มีรส อูมามิ (Umami) แทรกอยู่ จึงสามารถใช้เป็นเครื่องปรุงรสหรือเครื่องเคียงได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมโชยุเพิ่ม ความเผ็ดซ่าของวาซาบิถูกปรุงให้อยู่ในระดับที่กำลังดี สามารถคงความเผ็ดซ่า (Tsuun) ที่ตีขึ้นจมูกได้ยาวนาน และยังให้กลิ่นหอมที่สดชื่นของวาซาบิแท้อีกด้วยค่ะ
เมนูแนะนำ (Recipe Suggestion)
1.ทานคู่กับเนื้อวัว: เหมาะสำหรับทานคู่กับสเต็กหรือเนื้อย่างวากิว (Wagyu) เพียงแค่แตะวาซาบิเล็กน้อยบนชิ้นเนื้อ ก็จะได้รสชาติที่ลงตัวและเพิ่มความหอมสดชื่น
2.สำหรับเมนูซูชิ/ซาชิมิ: ใช้แทนวาซาบิแบบบด เพื่อเพิ่มความจัดจ้านและรสสัมผัสกรุบ ๆ
3.ท็อปปิ้งอาหาร: โรยบนข้าวหน้าปลาดิบ (Chirashi-don), ข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon), เต้าหู้เย็น (Hiyayakko), หรือไข่ตุ๋นแบบญี่ปุ่น (Chawanmushi)
วิธีใช้หรือวิธีเตรียม (Usage Instruction)
1.นำสินค้าออกมาจากช่องแช่แข็งในปริมาณที่ต้องการใช้
2.ปล่อยให้ละลายน้ำแข็งตามธรรมชาติในอุณหภูมิห้อง หรือในตู้เย็น (ใช้เวลา 10-20 นาที)
3.เมื่อละลายแล้ว สามารถเปิดซองและตักวาซาบิพร้อมปรุงรสแล้วมาใช้เป็นเครื่องเคียงได้ทันทีค่ะ
หลังเปิดซองแล้ว ควรกดซิปล็อกปิดปากถุงให้แน่น และเก็บในช่องแช่แข็งตามเดิมเพื่อรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของวาซาบิค่ะ
***ข้อควรระวัง: ไม่ควรนำสินค้าที่ละลายแล้วกลับไปแช่แข็งซ้ำ
ลองเพิ่ม คิซามิ วาซาบิ เข้าไปในมื้ออาหารของคุณดูสิคะ แล้วคุณจะได้เพลิดเพลินกับรสชาติและเนื้อสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่นแท้ ที่จะช่วยยกระดับเมนูโปรดของคุณให้พิเศษยิ่งขึ้นได้ที่บ้านค่ะ
ทสึยุสูตรเข้มข้น อร่อย กลมกล่อมยิ่งขึ้น
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่โปรดปรานอาหารญี่ปุ่นและชอบที่จะได้ลองทำทานเองที่บ้าน สึยุถือเป็นเครื่องปรุงที่จะช่วยให้การทำอาหารญี่ปุ่นของคุณสะดวกและง่ายดายขึ้นมากเลยทีเดียวค่ะ ในสึยุจะประกอบไปด้วยโชยุ มิริน และดาชิ มักจะใช้เป็นซอสเพื่อรับประทานกับอาหารประเภทเส้นของญี่ปุ่นอย่าง โซบะ โซเมน หรืออุด้ง นอกจากนี้ยังนำไปประกอบเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผัดกับผักหรือเนื้อสัตว์เพื่อทำดงบุริ ทำน้ำซุปหม้อไฟ ต้มหัวปลาแบบญี่ปุ่น ทำเป็นซอสเทมปุระก็ได้เช่นกัน
Sanbishi Awase Dashi Tsuyu สูตรนี้ เป็นดาชิสึยุเข้มข้นถึง 3 เท่า ที่เต็มไปด้วยรสอูมามิจากปลาแห้ง 3 ชนิด ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล และปลาโบนิโต้ รวมถึงหอยเชลล์และสาหร่าย จนได้รสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่นำไปผสมน้ำตามอัตราส่วนที่เหมาะสมก็เตรียมรับความอร่อยได้เลยค่ะ
ตัวอย่างอัตราส่วนในการทำเมนูต่างๆ
• ซอส 1: น้ำ 2 สำหรับเมนูบะหมี่เย็น น้ำจิ้มเทมปุระ หรือซอสราดหน้าข้าว (ดงบุริ)
• ซอส 1: น้ำ 4-5 สำหรับเมนูประเภทต้ม เช่น หัวปลาต้มซีอิ๊วแบบญี่ปุ่น
• ซอส 1: น้ำ 5-6 สำหรับเมนูบะหมี่ร้อน
• ซอส 1: น้ำ 7-9 สำหรับเมนูหม้อไฟหรือโอเด้ง
หมายเหตุ : เพื่อให้ได้รสชาติในแบบที่ชอบ สามารถปรับเปลี่ยนอัตราส่วนได้ตามต้องการค่ะ
ซุปมิโซะขาว อร่อยกลมกล่อม หอมสดชื่น
เพลิดเพลินกับแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแท้ๆ แบบเต็มรสชาติได้ง่ายๆ แค่อุ่น
การทำซุปมิโซะจะไม่ยากอีกต่อไป
ซุปมิโซะผสมสาหร่ายวากาเมะ จากแบรนด์ ฮิคาริ มิโซะ (Hikari Miso) การทานซุปมิโซะกับอาหารญี่ปุ่นนั้นถือเป็นของคู่กัน นี่คือวิธีที่คุณจะได้ลิ้มรสซุปมิโซะที่ดีที่สุด ทั้งสะดวก ง่าย และรวดเร็ว ซองเล็กพกติดตัวได้ ในแพ็คจะมีทั้งหมด 12 ซอง สำหรับการทาน 12 ที่
วิธีทำ
1. เทมิโซะลงในถ้วยซุป
2. เติมน้ำร้อนประมาณ 160 มล. คนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ
สนุกกับการทำโอโคโนมิยากิได้ง่ายๆ ที่บ้านคุณ
เซมเบ้แผ่นบางรสกุ้ง
เซมเบ้แผ่นบางกรอบผสมเนื้อกุ้งทอดจนได้ที่ ยิ่งทานยิ่งเพลิน หมดห่อแบบไม่รู้ตัว 1 ห่อ มี 3 แพ็ค
เพิ่มความสดชื่นแบบไร้คาเฟอีน ด้วยชาข้าวบาร์เลย์จากญี่ปุ่น
สำหรับคนที่ต้องการความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่ไม่อยากรับประทานเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เราขอแนะนำมูกิฉะหรือชาข้าวบาร์เลย์ค่ะ ชาชนิดนี้แท้จริงแล้วไม่มีส่วนผสมของใบชา แต่ผลิตขึ้นจากเมล็ดข้าวบาร์เลย์ที่นำมาคั่วบดแล้วบรรจุใส่ซองชา เพื่อนำมาชงกับน้ำร้อนหรือน้ำเย็น
ฮอนมะ มอน มูกิฉะห่อนี้ โดดเด่นด้วยการใช้ข้าวบาร์เลย์ชนิดเปลือกล่อน อิจิบังโบชิ (Ichibanbochi) จากจังหวัดคางาวะ 100% จึงทำให้มีรสชาติกลมกล่อม ไม่ขมฝาดเหมือนชาอื่นๆ และมาพร้อมกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ น้ำชามีสีเหลืองทอง ให้ความรู้สึกสดชื่น ชุ่มคอ ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมดื่มมูกิฉะในฤดูร้อน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดของทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยทีเดียวค่ะ
วิธีการชงแบบร้อน
• ต้มน้ำ 1.5 ลิตรให้เดือด ใส่ฮอนมะ มอน มูกิฉะ 1 ซอง แล้วต้มต่อไปอีกประมาณ 3-5 นาที จากนั้นยกลงจากเตา สามารถดื่มแบบร้อนหรือนำไปแช่เย็นก่อนดื่มก็ได้ค่ะ
วิธีการชงแบบเย็น
• ใส่ฮอนมะ มอน มูกิฉะ 1 ซอง ลงในน้ำเย็น 1 ลิตร แล้วนำไปแช่เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง พร้อมดื่มค่ะ
ซุปทงคตสึกลมกล่อม เข้มข้น อร่อยจนหยดสุดท้าย!
น้ำซุปทงคตสึสูตรพิเศษเคี่ยวจากกระดูกหมูเข้มข้นเต็มรสชาติ ส่งตรงจากญี่ปุ่นให้คุณทำเมนูทงคตสึแสนอร่อยแบบง่ายๆ ไม่ต้องปรุงเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นราเมน, ซุปหม้อไฟ หรือนำไปผัดเมนูต่างๆ ก็อร่อยกลมกล่อมตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ ค่ะ
อัตราส่วนที่แนะนำ
• สำหรับเมนูราเมน – ซุปเข้มข้น 1 ส่วน : น้ำ 12 ส่วน
• สำหรับเป็นน้ำซุปหม้อไฟ – ซุปเข้มข้น 1 ส่วน : น้ำ 12 ส่วน
• สำหรับเมนูผัด – ใช้ 10% ของน้ำหนักวัตถุดิบ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะ หรืออยากลองสัมผัสรสชาติอันลุ่มลึกของวัตถุดิบระดับพรีเมียม “ตับปลาอังกิโมะ” คือหนึ่งในเมนูที่ห้ามพลาด!
อังกิโมะคืออะไร?
อังกิโมะ (Ankimo) คือตับของปลาอังโกะ (Anko Fish) หรือ มังค์ฟิช (Monkfish) ซึ่งเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก ถือเป็นหนึ่งในอาหารชินมิ (Chinmi) หรืออาหารเลิศรสที่หาทานได้ยากของญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล" เพราะมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มคล้ายตับห่าน มีรสชาติเค็มอ่อน ๆ และมีความหอมมันอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทำไมถึงอร่อยและพิเศษ?
ตับปลาอังกิโมะของเรา เป็นสินค้าที่ผ่านกระบวนการปรุงรสและต้มมาอย่างพิถีพิถันจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน จึงมีรสชาติที่กลมกล่อมและพร้อมรับประทานทันที ไม่ต้องนำมาปรุงเพิ่มให้ยุ่งยาก ทำให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติแบบดั้งเดิมของอังกิโมะได้อย่างง่ายดาย นอกจากความอร่อยแล้ว อังกิโมะยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เช่น วิตามิน A, วิตามิน D และไขมันดีในปริมาณที่สูงอีกด้วย
เมนูที่ทำได้ง่ายๆ
เมนูจากตับปลาอังกิโมะสามารถทำได้หลากหลาย และแต่ละเมนูล้วนช่วยดึงรสชาติความอร่อยออกมาได้อย่างเต็มที่
- ทานเป็นกับแกล้ม: เสิร์ฟอังกิโมะแช่เย็นคู่กับต้นหอมซอย, โมมิจิโอโรชิ (หัวไชเท้าขูดผสมพริก) และซอสพอนสึ (Ponzu Sauce) เพื่อเพิ่มความสดชื่นและตัดความมัน
- ทำเป็นนิกิริซูชิ: วางชิ้นอังกิโมะบนข้าวปั้นซูชิ เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในร้านซูชิระดับพรีเมียม
- ทำเป็นสลัด: หั่นอังกิโมะเป็นชิ้นพอดีคำ วางบนสลัดผัก ราดด้วยน้ำสลัดงา หรือซอสพอนสึ
วิธีเตรียมตับปลา
1. นำอังกิโมะออกจากตู้เย็น วางไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30-40 นาที เพื่อทำการละลาย
2. แกะซองและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
3. จัดวางบนจาน และนำไปใช้ประกอบเมนูได้ตามต้องการ
*สินค้าบรรจุมาในซองสุญญากาศแบบพร้อมทาน
เปิดประสบการณ์ความอร่อยสุดพิเศษจากท้องทะเลลึกได้แล้ววันนี้! ตับปลาอังกิโมะ พร้อมให้คุณได้ลิ้มลองความอร่อยแบบต้นตำรับญี่ปุ่นได้ง่าย ๆ ที่บ้านของคุณ
ชวนคุณมาลิ้มลองยากิโซบะรูปแบบใหม่ๆ อย่างยากิอุด้งห่อนี้ค่ะ
หลายๆ คนคงถูกใจในรสชาติอันเข้มข้นของบะหมี่ผัดสไตล์ญี่ปุ่นอย่างยากิโซบะกันใช่ไหมคะ แต่หากคุณเบื่อสัมผัสในแบบเดิมๆ ของเส้นโซบะ และอยากจะลองเส้นบะหมี่ที่ออกไปในทางหนานุ่มแทนบ้าง เราขอแนะนำเมนูยากิอุด้งค่ะ เมนูนี้ถือเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างซอสผัดรสชาติเข้มข้นกับเส้นอุด้งเหนียวนุ่ม หนึบหนับ ให้คุณอิ่มอร่อยได้ง่ายๆ แค่เทเส้นและซอสลงไปผัดกับเนื้อสัตว์หรือผักที่ชอบ เพียงไม่นานก็พร้อมเสิร์ฟค่ะ
วิธีอร่อยกับยากิอุด้ง (สำหรับ 1 ที่)
1. เทน้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่เนื้อสัตว์และผักลงไปผัดจนสุก
2. เทเส้นอุด้งลงไป ผัดจนเส้นเริ่มคลายตัว เทซอสที่อยู่ในซองลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. ตักใส่จาน ยากิอุด้งแสนอร่อยพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
(หากต้องการให้เส้นนิ่มยิ่งขึ้น สามารถเติมน้ำได้เล็กน้อย)
มาทำโอเด้งทานเองที่บ้านกันค่ะ
หยุดไม่ได้ตั้งแต่คำแรก มนต์เสน่ห์แห่งความกรุบกรอบของมันเทศญี่ปุ่น
ที่สุดของความกรุบกรอบ ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยได้ทันที " มันเทศญี่ปุ่นเคลือบน้ำตาล คือขนมหวานญี่ปุ่นคลาสสิกที่ครองใจคนทุกวัย ด้วยรสหวานหอมของน้ำเชื่อมที่เคลือบบนมันเทศเนื้อนุ่มโฮกุโฮกุ (นุ่มฟูแบบมันเทศ) สินค้าตัวนี้ ความพิเศษอยู่ที่ "สัมผัสกรุบกรอบ คาริคาริ" ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ผลิตจากมันเทศญี่ปุ่นคุณภาพดี โดยใช้เทคโนโลยีการเคลือบน้ำตาลที่เป็นสูตรเฉพาะ ทำให้ชั้นน้ำตาลที่เคลือบด้านนอกคงความกรอบได้ยาวนาน ไม่เหนียวติดกัน ไม่ว่าคุณจะทานแบบเย็นๆ ที่ละลายน้ำแข็งได้ที่แล้ว หรือจะอุ่นเล็กน้อยเพื่อสัมผัสที่แตกต่าง ก็ยังคงความอร่อยไว้ บรรจุภัณฑ์ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย เพราะคุณสามารถนำออกมาละลายน้ำแข็งตามธรรมชาติ ตามปริมาณที่อยากทานได้เลย เหมาะสำหรับช่วงเวลาเร่งด่วน, เป็นของว่างสำหรับเด็กๆ, ยิ่งทานคู่กับไอศกรีมหรือโยเกิร์ต ยิ่งเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น กลายเป็นของหวานแสนอร่อย หรือเป็นเมนูเติมความหวานหลังมื้ออาหารได้เลย
จุดเด่นที่ทำให้ "มันเทศ" เป็นที่รักของคนญี่ปุ่น
1. ใช้มันเทศญี่ปุ่นแท้ 100%
• วัตถุดิบคุณภาพสูง : การันตีว่าใช้มันเทศที่ปลูกในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมันเทศญี่ปุ่น (ซัตสึมะอิโมะ) นั้นมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติที่หวานตามธรรมชาติ เนื้อสัมผัสเนียนละเอียดกว่ามันเทศทั่วไป
• ความหวานจากธรรมชาติ : รสชาติของมันเทศในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวจะหวานเป็นพิเศษ ทำให้แม้จะเคลือบน้ำตาลก็ยังคงได้กลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเทศคุณภาพดี
2. สัมผัสกรุบกรอบทรงพลัง
• จุดเด่นที่แตกต่าง : ความกรอบที่เกิดจากชั้นน้ำตาลที่เคลือบภายนอก เมื่อกัดเข้าไปคุณจะได้ยินเสียงกรุบกรอบ ก่อนที่จะสัมผัสกับเนื้อในที่นุ่มชุ่มฉ่ำ
• ความสมดุลของรสชาติ : ซอสเคลือบถูกปรุงด้วยรสชาติ หวาน-เค็ม ที่ลงตัว (ส่วนผสมหลักคือ น้ำตาล, โชยุ และบางครั้งอาจมีน้ำผึ้ง/มิริน) ทำให้ทานได้เรื่อยๆ ไม่หวานเลี่ยน
วิธีการทาน :
• นำมันเทศเคลือบน้ำตาลแช่แข็ง ออกมาจากถุงตามปริมาณที่ต้องการ
• วางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง (ละลายน้ำแข็งตามธรรมชาติ) ประมาณ 20-30 นาที
• รับประทานได้ทันที โดยแนะนำให้ทานขณะที่ยังมีอุณหภูมิเย็นเล็กน้อย
เมนูแนะนำทานคู่กัน :
• ทานคู่กับไอศกรีม : วางบนไอศกรีมวานิลลาหรือชาเขียว เพื่อเพิ่มความหรูหราและสัมผัสที่ตัดกัน
• ทานคู่กับโยเกิร์ต : เพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัสในโยเกิร์ต
• ใส่ในสลัด : สำหรับเพิ่มรสหวานและสีสันในสลัดผักบางประเภท
ราเมนรสซีฟู้ดสไตล์เกาหลี ที่ถูกใจของใครหลายๆ คน
นิสชิน (Nissin) ถือเป็นแบรนด์บะหมี่ชื่อดังระดับโลกที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี วันนี้เรานำเข้าราเมนหลากหลายรสชาติมาจากฮ่องกง เพื่อให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติที่แตกต่างไปจากที่เคยรับประทาน หนึ่งในราเมนรสเด็ดของนิสชินคือรสสไปซี่ซีฟู้ดห่อนี้ ด้วยน้ำซุปที่ทำจากน้ำสต๊อกอาหารทะเลเข้มข้น เพิ่มรสอูมามิด้วยโชยุ หอมกลิ่นถั่วเหลือง ผสานความเผ็ดร้อนจากพริกและเครื่องเทศจนน้ำซุปแซ่บกลมกล่อม ได้รสชาติของทะเลแบบเต็มๆ เพียงเติมเนื้อสัตว์และผักที่คุณชอบไปอีกนิด เชื่อว่าคุณจะเก็บนิสชินราเมนรสนี้ไว้เป็น 1 ในรสชาติโปรดของคุณแน่นอนค่ะ
วิธีอร่อยกับ Nissin Ramen
1. ต้มน้ำ 500 มล. ให้เดือด จากนั้นใส่เส้นราเมนลงไปต้มประมาณ 3 นาที
2. ใส่เครื่องปรุงและซุปลงในชาม เทน้ำร้อนลงไป คนให้ละลายเข้ากันดีแล้วใส่เส้นราเมน
3. เสิร์ฟพร้อมเนื้อสัตว์และผักตามต้องการ
ชาเขียวเซนฉะแบบใบ จากเมืองชิซูโอกะ
ชาเขียวญี่ปุ่น จากเมือง Shizuoka ถือเป็นชาเขียวคุณภาพดี มีชื่อเสียงทั้งในประเทศญี่ปุ่น และต่างประเทศ เราคัดเลือกแต่ยอดอ่อนของใบชา ผ่านกรรมวิธีหมักตามแบบเฉพาะ เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติ สี และกลิ่นแบบต้นตำรับแท้ๆ
ขั้นตอนการชงชา
• เทน้ำเดือนลงในถ้วยชา 300 มล. แล้วรอให้น้ำเย็นลงประมาณ 80 องศา (เพื่อไม่ให้น้ำร้อนเกินไปจนทำให้รสชาติของชาขม)
• ใส่ใบชาลงในถ้วยชาประมาณ 6กรัม (1 ช้อนโต๊ะ) จากนั้นเติมน้ำร้อนที่เตรียมไว้ลงไป
• แช่ใบชาทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที หรือจนได้รสชาติตามที่ต้องการ (หากแช่นานเกินไปอาจจะทำให้ชาขม)
• กรองใบชาออกจากน้ำชา จากนั้นสามารถดื่มได้ทันที