กัมมี่ รสส้มยูซุเคี้ยวนุ่ม รสเปรี้ยวอมหวาน
กัมมี่ รสยูซุ เมืองโคจิ จากแบรนด์ ZEN-NOH ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานอมเปรี้ยว และกลิ่นหอมที่เอกเอกลักษณ์ของยูซุ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ เคี้ยวเพลิน พร้อมสอดไส้น้ำยูซุมาอย่างเข้มข้น ทำให้เวลาเคี้ยวมีความฉ่ำของน้ำผลไม้ สำหรับใครที่ชอบทานผลไม้รับรองฟินแน่นอนค่ะ
กัมมี่ รสส้มฮัสซาคุและเลม่อน เคี้ยวนุ่ม กลิ่นหอมมากก
กัมมี่ รสส้มฮัสซาคุและเลม่อน จากเมืองฮิโรชิมะ จากแบรนด์ ZEN-NOH ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานอมเปรี้ยว สดชื่น เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ เคี้ยวเพลิน พร้อมสอดไส้น้ำส้มฮัสซาคุและเลม่อนมาอย่างเข้มข้น ทำให้เวลาเคี้ยวมีความฉ่ำของน้ำผลไม้ สำหรับใครที่ชอบทานผลไม้รับรองฟินแน่นอนค่ะ
หัวใจสำคัญของอาหารญี่ปุ่น
กัมมี่รสพีช กลิ่นหอม เคี้ยวเพลิน!
กัมมี่รสพีชโฮคุเกน เมืองอาคิตะ จากแบรนด์ ZEN-NOH ที่มาพร้อมกับรสชาติหอมหวานของพีช ซึ่งเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ เคี้ยวเพลิน พร้อมสอดไส้น้ำพีชมาอย่างเข้มข้น ทำให้เวลาเคี้ยวมีความฉ่ำของน้ำผลไม้ สำหรับใครที่ชอบทานผลไม้รับรองฟินแน่นอนค่ะ
กัมมี่รสพีชขาว เคี้ยวนุ่ม กลิ่นหอมมากก
กัมมี่รสพีชขาว เมืองโอคายามะ จากแบรนด์ ZEN-NOH ที่มาพร้อมกับรสชาติความหวานละมุม มีกลิ่นหอมมากกก ซึ่งเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ เคี้ยวเพลิน พร้อมสอดไส้น้ำพีชขาวมาอย่างเข้มข้น ทำให้เวลาเคี้ยวมีความฉ่ำของน้ำผลไม้ สำหรับใครที่ชอบทานผลไม้รับรองฟินแน่นอนค่ะ
กัมมี่ รสส้มฮิวกะนัตสึ เคี้ยวหนึบ หอม อร่อยยย
กัมมี่ รสส้มฮิวกะนัตสึ เมืองมิยาซากิ จากแบรนด์ ZEN-NOH ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ เคี้ยวเพลิน พร้อมสอดไส้น้ำส้มฮิวกะนัตสึมาอย่างเข้มข้น ทำให้เวลาเคี้ยวมีความฉ่ำของน้ำผลไม้ สำหรับใครที่ชอบทานผลไม้รับรองฟินแน่นอนค่ะ
กัมมี่ รสเชอร์รี่ ยิ่งเคี้ยว ยิ่งเพลิน!
กัมมี่ รสเชอร์รี่ เมืองยามากาตะ จากแบรนด์ ZEN-NOH ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ เคี้ยวเพลิน พร้อมสอดไส้น้ำเชอร์รี่อย่างเข้มข้น ทำให้เวลาเคี้ยวมีความฉ่ำของน้ำผลไม้ สำหรับใครที่ชอบทานผลไม้รับรองฟินแน่นอนค่ะ
กัมมี่สตรอเบอร์รี่ Amaou เคี้ยวนุ่ม อร่อยฟิน!
กัมมี่สตรอเบอร์รี่ Amaou เมืองฟุกุโอกะ จากแบรนด์ ZEN-NOH ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอม และรสชาติหวานอมเปรี้ยวของสตรอเบอร์รี่ Amaou เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ เคี้ยวเพลิน พร้อมสอดไส้น้ำสตรอว์เบอร์รี่มาอย่างเข้มข้น ทำให้เวลาเคี้ยวมีความฉ่ำของน้ำผลไม้ สำหรับใครที่ชอบทานผลไม้รับรองฟินแน่นอนค่ะ
การทำซุปมิโซะจะไม่ยากอีกต่อไป
ซุปมิโซะผสมสาหร่ายวากาเมะ จากแบรนด์ ฮิคาริ มิโซะ (Hikari Miso) การทานซุปมิโซะกับอาหารญี่ปุ่นนั้นถือเป็นของคู่กัน นี่คือวิธีที่คุณจะได้ลิ้มรสซุปมิโซะที่ดีที่สุด ทั้งสะดวก ง่าย และรวดเร็ว ซองเล็กพกติดตัวได้ ในแพ็คจะมีทั้งหมด 12 ซอง สำหรับการทาน 12 ที่
วิธีทำ
1. เทมิโซะลงในถ้วยซุป
2. เติมน้ำร้อนประมาณ 160 มล. คนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ
อร่อยได้ทุกเวลากับเยลลีชุ่มฉ่ำพร้อมเนื้อผลไม้เต็มคำ
สัมผัสความสดใหม่ของผลไม้คุณภาพเยี่ยมเหมือนยกทั้งร้านมาไว้ที่บ้านคุณ ด้วยเยลลีเนื้อเนียนใส ชุ่มฉ่ำ ผสมเนื้อผลไม้แท้ ในซีรีส์ “Kudamonoyasan” จากแบรนด์ Tarami ประเทศญี่ปุ่น ให้คุณอร่อยไปกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวและกลิ่นหอมสดชื่นของน้ำพีชเข้มข้น มาพร้อมเนื้อพีชขาวชิ้นใหญ่เต็มคำ ผสานคุณค่าจากวิตามินซีแบบเต็มๆ ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ยิ่งแช่เย็นยิ่งอร่อย
ชาที่ดื่มง่าย อร่อยลงตัว จนคนญี่ปุ่นยกให้เป็นชาชั้นเลิศ
ชาเขียวใบชนิดซอง เกียวคุโระ ของญี่ปุ่นทำไมต้อง "ยาบุกิตะ"
หากคุณเป็นผู้หลงใหลในชาเขียวญี่ปุ่นแท้ๆ "ยาบุกิตะ" คือ ราชินีแห่งชาเขียวของญี่ปุ่น เป็นระดับชาที่ปลูกด้วยเทคนิคการบังแสงแดดก่อนเก็บเกี่ยว ทำให้ใบชามีคลอโรฟิลล์สูง อูมามิที่เข้มข้น และความหวานนุ่มนวลที่โดดเด่น ผสานกับกลิ่นหอมละมุนฟุ้งที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยเทคโนโลยีถุงชาตาข่ายแบบใหม่ ทำให้คุณสามารถชงชาเขียวคุณภาพระดับญี่ปุ่นออกมาได้ง่ายๆในทุกแก้ว ไม่ว่าจะชงร้อนเพื่อความผ่อนคลาย หรือ ชงแบบเย็น (สกัดเย็น) เพื่อความสดชื่น เพียงเติมน้ำ ก็พร้อมเสิร์ฟ สะดวก พกพาง่าย ดื่มได้ทุกที่ ทุกเวลา เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มอื่นๆได้ตามสไตล์คุณ
เคล็ดลับการชงแบบร้อน และ แบบเย็น(สกัดเย็น)
ชาเขียวญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องชงด้วยน้ำร้อนเสมอไป! ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นแนะนำให้ลองชงชาเขียวแบบ "น้ำสกัดเย็น" ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก การชงด้วยน้ำเย็นจะช่วยดึงรสอูมามิ และสารคาเทชิน ที่ให้รสหวานออกมาได้มาก ในขณะที่รสขมและคาเฟอีนจะละลายออกมาน้อยลง ทำให้ได้ชาที่มีรสชาติกลมกล่อม นุ่มนวล และสดชื่นเป็นพิเศษ
วิธีชงแบบร้อน :
1. ต้มน้ำให้เดือด แล้วรอให้น้ำเย็นลงเหลือประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส (หากไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ สามารถต้มน้ำเดือดแล้วทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที)
2. ใส่ถุงชา 1 ซอง ลงในแก้วหรือถ้วยชา
3. ค่อย ๆ รินน้ำร้อน ประมาณ 150-200 มิลลิลิตร ลงไป
4. แช่ถุงชาทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที (ไม่ควรแช่นานเกินไป เพราะจะทำให้ชามีรสขมฝาด)
5. นำถุงชาออก (อาจจะบีบเบา ๆ ก่อนนำออก) และพร้อมดื่ม
วิธีชงแบบน้ำ(สกัดเย็น) :
1. ใส่ถุงชา 1-2 ซอง ลงในขวดหรือภาชนะที่มีฝาปิดสนิท
2. เติมน้ำเย็นอุณหภูมิห้อง หรือ น้ำเย็นจัด ปริมาณประมาณ 300-500 มิลลิลิตร
3. ปิดฝาแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น
4. รอเวลาทิ้งไว้ให้สกัดเย็นเป็นเวลา 3-6 ชั่วโมง หรืออาจจะแช่ข้ามคืน 8-12 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้น
(หากแช่นานเกิน 12 ชั่วโมง อาจเริ่มมีรสฝาดออกมาบ้าง)
5. เมื่อได้ความเข้มข้นที่ต้องการแล้ว ให้นำถุงชาออก พร้อมดื่มได้ทันที
ข้อดีของการสกัดเย็น:
รสชาติ : รสชาตินุ่มนวล หวาน อูมามิเด่นชัด และมีรสขมฝาดน้อยมาก
คาเฟอีน : ระดับคาเฟอีนจะต่ำกว่าการชงแบบร้อน
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Yukinkomai จากเมืองนีงาตะ เมืองแห่งข้าว
สึยุเข้มข้นสูตรใหม่ อร่อย กลมกล่อมยิ่งขึ้น
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่โปรดปรานอาหารญี่ปุ่นและชอบที่จะได้ลองทำทานเองที่บ้าน สึยุถือเป็นเครื่องปรุงที่จะช่วยให้การทำอาหารญี่ปุ่นของคุณสะดวกและง่ายดายขึ้นมากเลยทีเดียวค่ะ ในสึยุจะประกอบไปด้วยโชยุ มิริน และดาชิ มักจะใช้เป็นซอสเพื่อรับประทานกับอาหารประเภทเส้นของญี่ปุ่นอย่าง โซบะ โซเมน หรืออุด้ง นอกจากนี้ยังนำไปประกอบเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผัดกับผักหรือเนื้อสัตว์เพื่อทำดงบุริ ทำน้ำซุปหม้อไฟ ต้มหัวปลาแบบญี่ปุ่น ทำเป็นซอสเทมปุระก็ได้เช่นกัน
โดย Sanbishi Awase Dashi Tsuyu สูตรใหม่นี้ เป็นดาชิสึยุเข้มข้นถึง 3 เท่า ที่เต็มไปด้วยรสอูมามิจากปลาแห้ง 3 ชนิด ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล และปลาโบนิโต้ รวมถึงหอยเชลล์และสาหร่าย จนได้รสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่นำไปผสมน้ำตามอัตราส่วนที่เหมาะสมก็เตรียมรับความอร่อยได้เลยค่ะ
ตัวอย่างอัตราส่วนในการทำเมนูต่างๆ
• ซอส 1: น้ำ 2 สำหรับเมนูบะหมี่เย็น น้ำจิ้มเทมปุระ หรือซอสราดหน้าข้าว (ดงบุริ)
• ซอส 1: น้ำ 4-5 สำหรับเมนูประเภทต้ม เช่น หัวปลาต้มซีอิ๊วแบบญี่ปุ่น
• ซอส 1: น้ำ 5-6 สำหรับเมนูบะหมี่ร้อน
• ซอส 1: น้ำ 7-9 สำหรับเมนูหม้อไฟหรือโอเด้ง
*หมายเหตุ: เพื่อให้ได้รสชาติในแบบที่ชอบ สามารถปรับเปลี่ยนอัตราส่วนได้ตามต้องการค่ะ
เปิดประสบการณ์รสชาติของข้าวญี่ปุ่นแท้ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งข้าว" ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยคุณภาพที่โดดเด่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ค่ะ
ข้าวชิ้นนี้คือ ข้าวโคชิฮิคาริ (Koshihikari) ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์ยอดนิยมและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวที่มาจากจังหวัด นีงาตะ (Niigata) ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงด้านคุณภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น จังหวัดนีงาตะได้รับพรจากสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปลูกข้าวชั้นดี เช่น ดินที่อุดมสมบูรณ์จากตะกอนแม่น้ำสำคัญอย่างแม่น้ำชินาโนะ (Shinano River) และแม่น้ำอะงาโนะ (Agano River) รวมถึงมีน้ำบริสุทธิ์จากหิมะที่ละลาย (Snowmelt Water) และที่สำคัญคือ ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน ที่สูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาความหวานและรสชาติของข้าว
ข้าวโคชิฮิคาริสายพันธุ์นีงาตะมีจุดเด่นหลัก ๆ ที่ทำให้เป็นที่รักของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน
ความเหนียวและหนึบ (Stickiness): มีสัมผัสที่ เหนียวหนึบ (Mochimochi) และยืดหยุ่นกำลังดี ไม่แข็งกระด้าง
ความหวานและอูมามิ (Sweetness & Umami): มีรสหวานตามธรรมชาติที่ชัดเจน และมีรส อูมามิ (Umami) ที่เข้มข้นในทุกเม็ด
กลิ่นหอมและเงางาม: เมื่อหุงสุกแล้วจะมี กลิ่นหอมที่ละมุน และเมล็ดข้าวจะมีความ เงางามเป็นประกาย น่ารับประทาน
ด้วยรสชาติที่โดดเด่นและสมดุล ทำให้ข้าวโคชิฮิคาริจากนีงาตะอร่อยมากแม้ว่าจะทานเปล่า ๆ โดยไม่ต้องมีกับข้าวค่ะ นอกจากนี้ยังรักษาความอร่อยไว้ได้ดีแม้จะเย็นลง จึงเหมาะมากสำหรับทำข้าวปั้น โอนิกิริ (Onigiri) หรือใส่ในกล่องข้าวเบนโตะ (Bento)
เมนูแนะนำ (Recipe Suggestion)
ข้าวโคชิฮิคาริมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่สมดุล ทำให้เข้ากันได้ดีกับอาหารหลากหลายประเภทค่ะ:
ข้าวสวย (Plain White Rice): ทานเปล่า ๆ คู่กับเครื่องเคียงง่าย ๆ อย่างซุปมิโสะ (Miso Soup) และผักดอง (Tsukemono) เพื่อสัมผัสรสชาติแท้ ๆ ของข้าว
ซูชิ (Sushi) และโอนิกิริ (Onigiri): ด้วยความเหนียวหนึบ ทำให้ปั้นได้ง่ายและคงรูปได้ดีเมื่อเย็นลง
เมนูอาหารญี่ปุ่นทั่วไป: เหมาะสำหรับทานคู่กับอาหารญี่ปุ่นแทบทุกชนิด เช่น ปลาย่าง, เทมปุระ (Tempura) หรือข้าวหน้าต่าง ๆ (Donburi)
วิธีใช้หรือวิธีเตรียม (Usage Instruction)
เพื่อให้ได้ข้าวที่อร่อยที่สุด ควรทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
1. ซาวข้าว (Rinsing): ซาวข้าวอย่างเบามือเพื่อล้างฝุ่นออก เปลี่ยนน้ำประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำเริ่มใส
2. แช่น้ำ (Soaking): แช่ข้าวในน้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ในฤดูร้อน หรือ 60 นาที ในฤดูหนาว เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำอย่างเต็มที่
3. หุง (Cooking): หุงตามอัตราส่วนน้ำที่ระบุบนเครื่องหุงข้าว หรือใช้อัตราส่วนข้าว 1 ส่วนต่อน้ำประมาณ 1.1 - 1.2 ส่วน
4. พักข้าว (Steaming): เมื่อหุงเสร็จแล้ว ห้ามเปิดฝา ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้ไอน้ำระอุและข้าวสุกทั่วถึง ก่อนจะใช้ไม้พายคลุกเบา ๆ ก่อนตักเสิร์ฟค่ะ
ลองนำข้าวโคชิฮิคาริจากนีงาตะไปหุงดูสิคะ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมข้าวญี่ปุ่นแท้ ๆ ถึงมีเสน่ห์และเป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ที่คุณก็สามารถสร้างสรรค์ความอร่อยนี้ได้ที่บ้านค่ะ
แค่มีข้าวร้อนๆ กับซองนี้ก็อร่อยได้ ง่ายนิดเดียว