ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Koshihikari จากจังหวัดนีงาตะ
เป็นพันธุ์ข้าวที่คนญี่ปุ่นนิยมปลูกและรับประทานมากที่สุด เพราะมีรสชาตินุ่มละมุน รสหวาน และเคี้ยวหนึบ จนถูกขนานนามอีกชื่อหนึ่งว่า “ข้าวจากแดนสวรรค์ ” เมื่อหุงจนสุกเม็ดข้าวจะขาวเงางามคล้ายอัญมณี มีความเหนียวเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ แม้จะทิ้งไว้จนเย็นข้าวยังคงมีรสชาติดี นิยมนำมาใช้ทำเมนูซูชิ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่านคนเบาๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำจนอ่อนนุ่ม
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆคนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บในที่แห้งและเย็น
2. ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
3. หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
1. คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
2. ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
3. ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
เมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในครอบครัวคนญี่ปุ่น
หากถามว่าเมนูไหนที่คุณแม่ชาวญี่ปุ่นนิยมทำมากที่สุด ต้องมีชื่อเมนูปลาซาบะปรุงรสมิโซะติดอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ปลาซาบะเนื้อแน่น นำมาปรุงรสมิโซะให้รสชาติเค็มๆ หวานนิดๆ พร้อมกลิ่นหอมของมิโซะ เข้ากันได้ดีกับข้าวสวยร้อนๆ แบบยิ่งทาน ยิ่งอร่อย!
แซลมอนสด ส่งจรงจาก Hokkaido
Chum Salmon เป็นแซลมอนขนาดเล็ก มีเนื้อสีส้มแดงรสชาติหวานฉ่ำ เป็นแซลมอนที่จับได้จากธรรมชาติไม่ใช่แซลมอนเลี้ยง ทำให้ราคาสูงกว่าแซลมอนที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป นำมาหมักกับมิโซะ ที่ใช้เต้าเจี้ยวญี่ปุ่นแท้ๆ เพื่อให้เวลานำไปปรุงอาหารจะได้กลิ่นหอม ชวนรับประทานยิ่งขึ้น หั่นสไลด์เป็นชิ้นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการปรุง
หนึ่งในอาหารแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น
หมึกร้าญี่ปุ่น หรือ Ika Shiokara ทำจากหมึกคุณภาพดี นำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ หมักด้วยเกลือ และข้าวสาลี ใส่ในภาชนะปิดสนิทอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป รสชาติออกเค็มๆ หนึบๆ เหมาะกับทานเป็นกับแกล้ม ถือเป็นเมนูที่ต้องมีติดไว้ในร้านญี่ปุ่นสไตล์ Izakaya
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Nanatsuboshi ข้าวที่เติบโตท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ของฮอกไกโด
นิยมปลูกมากในฮอกไกโด เมล็ดข้าวอวบ หุงแล้วขึ้นเงา มีความเหนียวปานกลาง และความหวานแบบพอดี ทำให้โดนใจชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก แม้ข้าวจะเย็นแต่ยังคงความนุ่ม หอม อร่อย สามารถทำอาหารได้หลากหลายประเภท แต่จะนิยมนำมาทำเบนโตะและซูชิ
• ลักษณะเมล็ด – เมล็ดข้าวอวบ ขาว หุงขึ้นหม้อ
• รสชาติ – มีรสหวานและยังคงอร่อยแม้จะเย็นแล้ว
• ความเหนียว – ความเหนียวกำลังดี
• เมนูที่เหมาะสม – เบนโตะ และซูชิ
• ความลับของสายพันธุ์ – ถือว่าเป็นข้าวที่มีความสมดุลระหว่างรสชาติกับเนื้อสัมผัสมากที่สุดในสายพันธุ์ข้าวฮอกไกโด เมื่อหุงจนสุกข้าวมีความขาว ความเงา ความหอม ให้รสชาตินุ่มนวล และเคี้ยวอร่อย
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบาๆประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำจนอ่อนนุ่ม
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อย ๆ คนให้น้ำระเหย
ข้าวญี่ปุ่นจากเมืองฮอกไกโด เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์
ชวนคุณมาชิมข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ ปลูกที่เมืองฮอกไกโด เมืองที่ธรรมชาติสวยงาม น้ำใสสะอาด ข้าวที่ได้มีรสชาติหวาน นุ่ม เหนียว เคี้ยวเพลิน เหมาะกับทำอาหารญี่ปุ่นอย่างเมนูข้าวซูชิ ข้าวปั้นโอนิกิริ มาลองชิมความแตกต่างของรสชาติข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ กันค่ะ หากสนใจทำเมนูข้าวซูชิ เรามีน้ำส้มปรุงรสข้าว และสาหร่ายสำหรับห่อข้าว ขายด้วยนะคะ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบา ๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำเวลาหุงข้าวจะนุ่มไม่กระด้าง
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ คนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บในที่แห้งและเย็น
2. ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
3. หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
1. คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
2. ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
3. ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
คร็อกเก้ครีมปู จากฮอกไกโด
คร็อกเก้ หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยคือโคร็อกเกะ สำหรับใครที่ชอบทานคร็อกเก้ ขอแนะนำโคร็อกเกะครีมปูที่ตัวไส้ด้านในทำมาจากเนื้อปูหิมะ ปรุงรสมาได้อย่างอร่อยลงตัว ยิ่งได้ทานตอนร้อนๆ ยิ่งฟิน หากใครชอบทานคร็อกเก้แนะนำให้มีติดบ้านไว้เลยค่ะ
อิคุระ (Ikura) อีกหนึ่งเมนูแสนอร่อยสไตล์ญี่ปุ่น
อิคุระ คือ ไข่ของปลาแซลมอน มีลักษณะเป็นเม็ดกลมสีส้ม ด้านในเป็นน้ำที่เมื่อกัดจะแตกออกมา ผิวสัมผัสด้านนอกกรึบนิดๆ ด้านในมีรสเค็มอ่อนๆ ที่มาจากการดองในโชยุ มิริน และเครื่องปรุงรสอื่นๆ เพื่อให้มีรสชาติอร่อยกลมกล่อมตามสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม เหมาะสำหรับใช้ทำเป็นหน้าซูชิ, ข้าวดงบุริ, ทานคู่กับบะหมี่เย็น (ซารุ ราเมน), สอดไส้โอนิกิริ หรือประยุกต์ใช้ในเมนูอื่นๆ ตามสไตล์ของคุณเองก็ได้ค่ะ
ปลาฮอกเกะชุปแป้งทอด เมนูทานง่ายๆได้ที่บ้าน
ปลาฮอกเกะชุปแป้งทอด จากฮอกไกโด เนื้อแน่น จุ๊ยซี่ อร่อยเพลินตั้งแต่คำแรก อร่อยแบบไม่ต้องจิ้มอะไรก็ได้ หรือสามารถจิ้มซอสได้ตามที่ชอบเลยค่ะ
หอยเชลล์ฮอกไกโดพร้อมฝา อร่อยง่ายๆ ดีไซน์พร้อมเสิร์ฟ
หอยเชลล์ญี่ปุ่นถือว่าเป็นหอยเชลล์ที่มีคุณภาพดีระดับโลกเพราะมีเนื้อนุ่มแน่นและรสชาติหวานตามธรรมชาติ เรานำเข้าหอยเชลล์จากเมืองฮอกไกโดมาในรูปแบบครึ่งฝาให้คุณนำไปทำเมนูต่างๆ พร้อมจัดเสิร์ฟได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นหอยเชลล์อบชีส หอยเชลล์ย่างเนยกระเทียม หรือใส่ในหม้อไฟก็ได้เช่นกันค่ะ
เนื้อปลาแซลมอนหมักเกลือจากเมืองฮอกไกโด อร่อยกลมกล่อม
เราเลือกใช้ปลาแซลมอนในฤดูใบไม้ร่วงหรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า อากิซาเกะ (Akisake) ซึ่งเป็นช่วงที่ปลาแซลมอนจะว่ายน้ำกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อเตรียมผสมพันธุ์และวางไข่ หลังจากออกท่องทะเลมาอย่างยาวนาน มีเนื้อแน่น ไขมันน้อย นำมาหั่นเป็นชิ้นกำลังดี แล้วแช่ในน้ำแข็งและเกลือกว่า 72 ชั่วโมง เพื่อคงความสดใหม่และรสชาติอร่อยแบบธรรมชาติ สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอนเทอริยากิ หรือจะประยุกต์ให้เข้ากับเมนูไทยๆ อย่าง ลาบปลาแซลมอน ปลาแซลมอนผัดพริกเกลือก็ยังได้ และหากลูกค้าท่านใดไม่ชอบทานเค็ม เราขอแนะนำวิธีการดึงความเค็มออกจากเนื้อปลาตามแบบฉบับคนญี่ปุ่นที่เรียกว่า Mukae Shio และปรุงให้สุกก่อนรับประทานค่ะ
✨ จัดจ้านถึงใจ! หวานนุ่มจากครีบหอยเชลล์ ผสานกับความแซ่บแบบไทย ๆ ✨
“ครีบหอยเชลล์ปรุงรสลาบ” สินค้าคุณภาพดีๆที่ผ่านกระบวนการปรุงรสแบบไทย ๆ ด้วยเครื่องลาบรสจัดจ้าน เผ็ด เปรี้ยว เค็ม ครบรส หอมข้าวคั่ว พริกป่น และสมุนไพรแบบไทย ผสมผสานกับความหวานธรรมชาติของหอยเชลล์ได้อย่างลงตัว กินเปล่า ๆ ก็ฟิน นกับข้าวก็อร่อย หรือจะทำเมนูก็ได้หลากหลาย เหมาะกับทุกสายกิน โดยเฉพาะสายลาบ สายซีฟู้ดต้องโดน!
วิธีรับประทานครีบหอยเชลล์ปรุงรสลาบ
1. รับประทานได้ทันที
• สามารถกินแบบ ready-to-eat ได้เลยทันที ไม่ต้องปรุงเพิ่ม
• รสชาติแซ่บนัว กลมกล่อม หวานหอยเชลล์ + เผ็ดลาบ
2. อุ่นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหอม (ถ้าต้องการ)
• ใส่ไมโครเวฟ 10–15 วินาที (พออุ่น) จะทำให้กลิ่นหอมข้าวคั่วและเครื่องลาบเด่นขึ้น
• หรือผัดในกระทะร้อนเร็ว ๆ โดยไม่ใช้น้ำมันก็ได้
ทานกับอะไรอร่อย
• ข้าวเหนียวร้อนๆ
• สลัด ผักสด เช่น กะหล่ำปลี แตงกวา ถั่วฝักยาว
• ข้าวสวยร้อนๆ
• กินคู่กับเบียร์เย็น ๆ หรือเครื่องดื่มซ่าๆ ก็เข้ากันสุดๆ
• ทำเป็นหน้าแซนด์วิชหรือแซนด์วิชแซ่บๆ
❄️ การเก็บรักษา
• แช่เย็น (Chiller 0-4°C): ควรบริโภคภายใน 5-7 วันหลังเปิด
• แช่แข็ง (Freezer -18°C): เก็บได้นาน 2-3 เดือน
(เมื่อเปิดแล้วควรเก็บในภาชนะปิดสนิทและใช้ช้อนสะอาดตัก)
⚠️ ข้อควรระวังในการบริโภค
ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของหอย
• ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้อาหารทะเลหรือแพ้หอย
อาจมีความเผ็ด
• เด็กเล็กและผู้ที่ไม่ทานเผ็ดควรระมัดระวัง หรือควรทดลองชิมทีละน้อยก่อน
หลังเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว
• ควรเก็บในภาชนะปิดสนิท แช่เย็น และบริโภคภายใน 5–7 วัน
• หลีกเลี่ยงการใช้ช้อนหรือมือที่เปื้อนตักซ้ำเพื่อลดความเสี่ยงการปนเปื้อน
ห้ามแช่แข็งซ้ำ หากละลายแล้ว
• เพื่อรักษาคุณภาพของเนื้อหอยและความปลอดภัยทางอาหาร
• ควรบริโภคก่อนวันหมดอายุ ตามที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์