สำหรับคนรักแซลมอนที่มองหาวัตถุดิบคุณภาพสูงสุด พร้อมความสะดวกในการทำอาหาร ปลาแซลมอนแอตแลนติก (Atlantic Salmon) จากแบรนด์ คุก (Cooke) คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด เพราะนี่คือปลาแซลมอนที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดในโลก และผ่านการแล่ตัดแต่งอย่างพิถีพิถัน
คุณภาพจากแหล่งกำเนิด: ชิลี (Chile)
ปลาแซลมอนของ Cooke ได้รับการเลี้ยงในแหล่งน้ำที่บริสุทธิ์และเย็นจัดของประเทศ ชิลี โดยเฉพาะในเขตไอเซน (Aysén region) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลและมีสภาพแวดล้อมทางทะเลที่สมบูรณ์ การเลี้ยงในสภาพธรรมชาติที่ดีเยี่ยมนี้ ทำให้ปลาแซลมอนมีเนื้อที่นุ่ม สีส้มสดใส และมีรสชาติที่สะอาด พร้อมไขมัน (Omega-3) ที่สมดุลตามธรรมชาติ
แบรนด์ Cooke ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และมีการใช้มาตรฐานการเพาะเลี้ยงอย่างเข้มงวด เพื่อส่งมอบอาหารทะเลคุณภาพสูงสู่ผู้บริโภคทั่วโลก
การแล่ Trim-C เพื่อความสมบูรณ์แบบ
Trim-C คือมาตรฐานการแล่ปลาแซลมอนที่การันตีว่าเนื้อปลาของคุณถูกตัดแต่งอย่างพิถีพิถันสูงสุด
ความสะอาดสูงสุด: เนื้อปลาถูกนำก้างใหญ่ออกทั้งหมด รวมถึงก้างบริเวณท้อง (Belly Bone) และก้างซี่โครง (Pin Bone)
พร้อมใช้งานทันที: ทำให้คุณสามารถนำเนื้อปลาไปหั่นเป็นชิ้นสำหรับทำซาชิมิ ซูชิ หรือนำไปปรุงอาหารได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเลาะก้างหรือตัดแต่งไขมันส่วนเกินเอง
เมนูอร่อยที่แนะนำ
ด้วยคุณภาพของปลาแซลมอนแอตแลนติกจากชิลี และการตัดแต่งแบบ Trim-C ที่สะอาด ทำให้เนื้อปลาชนิดนี้เหมาะสำหรับทุกเมนู:
ซาชิมิ/ซูชิ: เนื้อปลานุ่ม สีสวย สามารถนำไปหั่นเป็นชิ้นเพื่อสัมผัสความสดใหม่แบบเต็มคำ
สเต็กปลาแซลมอน: นำไปย่างหรือจี่บนกระทะเพื่อดึงรสชาติไขมันธรรมชาติออกมาให้หอมกรุ่น
อบ/เบค: อบพร้อมเครื่องเทศหรือสมุนไพร เพื่อมื้ออาหารที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ
ไม่ว่าคุณจะทำอาหารในบ้านหรือต้องการวัตถุดิบคุณภาพเพื่อเสิร์ฟในร้านอาหาร ปลาแซลมอนแอตแลนติก Trim-C จาก Cooke คือทางเลือกที่จะช่วยยกระดับทุกเมนูของคุณให้เป็นมื้อพิเศษได้ง่ายดาย
วิธีละลายสินค้าแช่แข็ง
❄️ ละลายในตู้เย็น (แนะนำที่สุด)
- วางสินค้าไว้ในช่องธรรมดาของตู้เย็นประมาณ 6-12 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาด)
- วิธีนี้ช่วยรักษาคุณภาพและความสดของสินค้าได้ดีที่สุด
❄️ ละลายในน้ำเย็น (สำหรับการเร่งเวลา)
- นำสินค้าทั้งถุงแช่ในน้ำเย็น
- เปลี่ยนน้ำใหม่ทุก 30 นาที จนกว่าสินค้าจะคลายตัว
❄️ ละลายในอุณหภูมิห้อง (เฉพาะบางประเภท)
- วางสินค้าไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 40 นาที
สาหร่ายฮิจิกิ ผสมถั่วเหลืองและแครอทต้มสุกปรุงรส
เป็นหนึ่งในเมนุยอดฮิตของชาวญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์เป็นสาหร่ายสีดำโดยธรรมชาติ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทำมาผสมกับถั่วเหลือง และแครอท เหมาะสำหรับรับประทานเป็นเครื่องเคียง และยังนิยมนำมาคลุกกับข้าวปั้นโอนิกิริอีกด้วย
คำแนะนำในการเก็บรักษา
• ควรเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 0-10 องศา
• หลังจากเปิดซองแล้วหากทานไม่หมด แนะนำให้ใส่กล่องปิดให้สนิทและเก็บไว้ในตู้เย็น
• ควรรับประทานให้หมดภายใน 3 วัน หลังจากที่เปิดซอง
ข้าวสวยของคุณจะอร่อยขึ้นกว่าที่เคย
เพียงใส่ Rice Improver หรือซอสปรุงรสสำหรับหุงข้าวขวดนี้ในปริมาณที่กำหนด ผสมเข้ากับน้ำสะอาดและข้าวสารก่อนนำไปหุง จะช่วยให้คุณภาพของข้าวสวยที่ได้ดีขึ้นทั้งในด้านปริมาณที่ดูมากขึ้นกว่าการหุงแบบปกติ, เพิ่มความมันวาว ความสว่าง และความขาวของเม็ดข้าว, ความเหนียวของข้าวลดลงทำให้สามารถนำไปใช้งานได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้สามารถเก็บรักษาข้าวแบบแช่เย็นได้นานขึ้นอีกด้วย
อัตราส่วนการใช้งาน: 5-6% ของน้ำหนักข้าวสาร
•การใช้งาน
1. เตรียมข้าวญี่ปุ่น 1 กก. น้ำสะอาด 1.5 ลิตร และ Rice Improver 50 มล.
2. ล้างทำความสะอาดข้าวตามคำแนะนำข้างถุง
3. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อหุงข้าว คนให้เข้ากันแล้วแช่ทิ้งไว้ 30 นาที ก่อนกดหุง
???? น้ำหนักสุทธิ: 1 ลิตร
ขนมญี่ปุ่นแบบเบาๆ ไม่หวานเลี่ยน และ ได้รสชาติชาเขียวแท้ๆ ต้องไม่พลาด
ใครที่กำลังมองหาของหวานญี่ปุ่นแบบเบาๆทานง่าย และให้ความรู้สึกสดชื่นไม่เหมือนใคร ต้องลอง วาราบิโมจิตัวนี้ ขนมชิ้นเล็กๆนี้จะทำให้วันของคุณสดใสขึ้นแน่นอน วาราบิโมจิเป็นขนมหวานญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ทำจากแป้งวาราบิ(แป้งที่สกัดจากหัววาราบิ) ที่มีจุดเด่นคือ สัมผัสที่นุ่มนิ่มเหมือนเยลลี่ แต่จะมีความเหนียวนุ่มและยืดหยุ่นกว่าโมจิทั่วไป วาราบิโมจิชิ้นนี้พิเศษตรงที่เป็นรสชาเขียวมัทฉะ และถูกนำไปคลุกเคล้ากับผงชาเขียวมัทฉะ หอมๆจนทั่วชิ้น ผงชาเขียวมัทฉะ นั้นมาจากจังหวัดชิซึโอกะซึ่งเป็นแหล่งผลิตชาเขียวคุณภาพเยี่ยมของญี่ปุ่น ทำให้ได้รสชาติเข้มข้น หอมละมุน และมีขมเล็กน้อยแบบเป็นธรรมชาติมาตัดกับความหวานอ่อนๆ ของตัวโมจิได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับเป็นของว่างยามบ่าย ทานคู่กับชาเขียวร้อนที่ไม่หวานเลย หรือจะลองทานคู่กับกาแฟดำก็เข้ากันดี รับรองว่าความนุ่มนิ่มและรสชาติชาเขียวแท้ๆ จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นเหมือนได้นั่งพักผ่อนอยู่ในญี่ปุ่น
วิธีทานวาราบิโมจิ :
• การละลายน้ำแข็ง : นำถุงวาราบิโมจิออกจากช่องแข็ง แล้วย้ายไปใส่ในตู้เย็นช่องธรรมดา หรือวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง เพื่อให้ละลายน้ำแข็งอย่างช้า ๆ (ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง)
• ความเย็นคือหัวใจ : ขนมนี้จะอร่อยที่สุดเมื่อทานแบบเย็น เพื่อสัมผัสถึงความนุ่มหนึบและความเย็นชื่นใจ
• พร้อมเสิร์ฟ : เมื่อละลายน้ำแข็งแล้ว สามารถแกะซองและรับประทานได้ทันที
• เพิ่มรสชาติ : หากต้องการรสชาติแบบดั้งเดิมยิ่งขึ้น สามารถราดด้วยน้ำเชื่อมคุโรมิตซึ(น้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง) ได้ตามความชอบ
เมนูทานคู่แนะนำ
วาราบิโมจิรสชาเขียวมีรสชาติมัทฉะเข้มข้น หอม และหวานอ่อนๆ จึงเข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มและของหวานอื่นๆ ดังนี้:
คู่กับชาญี่ปุ่น :
• มัทฉะร้อน/เย็น : เพื่อเสริมความหอมเข้มของชาเขียวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
• โฮจิฉะ : ชาเขียวคั่วที่มีกลิ่นหอมอบอุ่น จะช่วยตัดรสหวานได้อย่างลงตัว
• เซนฉะ : ชาเขียวใบที่มีรสชาติบางเบาและสดชื่น
คู่กับกาแฟ:
• กาแฟดำเย็น/ร้อน : ความขมของกาแฟจะช่วยดึงความหวานและความหอมของมัทฉะในโมจิออกมา
• ลาเต้: เข้ากันได้ดีกับความนุ่มละมุนของวาราบิโมจิ
คู่กับของหวานอื่น ๆ:
• ท็อปปิ้งไอศกรีม: นำไปวางบนไอศกรีมรสวานิลลา หรือไอศกรีมถั่วแดง เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสที่นุ่มหนึบ
• พาร์เฟต์สไตล์ญี่ปุ่น: ใช้เป็นส่วนประกอบในพาร์เฟต์หรือน้ำแข็งไส เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับเมนู
• เครื่องดื่มสร้างสรรค์: ใช้เป็นท็อปปิ้งในเครื่องดื่มประเภทนมหรือชา เช่น มัทฉะลาเต้ หรือบราวน์ชูการ์
โซบะชาเขียว 1 ใน เมนูขึ้นชื่อของญี่ปุ่น
สัมผัสรสชาติ ชาเขียว มัทฉะ พรีเมี่ยม ที่ให้ความหอมสดชื่นอูมามิแบบต้นตำรับญี่ปุ่น
ชาเขียวมัทฉะ จากเมืองนิชิโอะ ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในชาเขียวคุณภาพสูงของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในรูปแบบชาเขียวมัทฉะ ซึ่งเมืองนี้มีชื่อเสียงด้านการผลิตมัทฉะเกรดพรีเมี่ยม เพราะใช้วิธีการร่มเงาก่อนเก็บเกี่ยว 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มปริมาณคลอโรฟิลล์ ทำให้ได้ใบชาสีเขียวสด และ ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ คาเทชิน และ แอล-ธีอะนีน ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและกระตุ้นสมาธิ และ ยังมีรสชาติหอมละมุน ละลายง่าย ไม่ขมฝาด หวานธรรมชาติ และ อูมามิแบบญี่ปุ่นแท้ๆ คนรักมัทฉะไม่ควนพลาด!!!
เหมาะสำหรับ
• ชงดื่มแบบร้อน-เย็น มัทฉะลาเต้ / โกจิฉะ / ชาเขียวสด
• ใช้ทำขนม เช่น ไดฟุกุ ไอศกรีม ชีสเค้ก มาการอง
• ใช้ในพิธีชงชาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
วิธีชงแบบดั้งเดิม (Usucha – ชาเข้มข้นแบบบาง)
• ตัก มัทฉะ 1-2 กรัม (ประมาณ ½ - 1 ช้อนชา) ลงในถ้วย
• เติม น้ำร้อน 70-80°C ประมาณ 70-100 มล.
• ใช้ แปรงไม้ไผ่ (Chasen) ตีเป็นรูปตัว M หรือ W จนเกิดฟองเนียนนุ่ม
• พร้อมดื่มทันที! ได้รสชาติหอมละมุน อูมามิเต็มคำ
วิธีชงมัทฉะลาเต้ (ร้อน / เย็น)
• ตัก มัทฉะ 2 กรัม (1 ช้อนชา) ลงในแก้ว
• เติม น้ำร้อน 50 มล. คนให้ละลาย
• เติม นมสดหรือนมทางเลือก 150-200 มล. (ร้อนหรือเย็น)
• เติมน้ำแข็ง (ถ้าชงแบบเย็น) และเพิ่มความหวานตามชอบ
✨ เคล็ดลับ: ใช้น้ำร้อน 70-80°C หลีกเลี่ยงน้ำเดือดเกินไปเพื่อคงความหวานและอูมามิของมัทฉะ
ประโยชน์ของมัทฉะ
• ช่วยเพิ่มพลังงาน: มัทฉะมีสาร L-theanine ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายแ ต่ยังคงความกระปรี้กระเปร่า
• ช่วยเผาผลาญไขมัน: มัทฉะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
• บำรุงผิวพรรณ: สารต้านอนุมูลอิสระในมัทฉะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์
• ช่วยลดคอเลสเตอรอล: ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
อร่อยง่ายๆ กับเครื่องเคียงสไตล์ญี่ปุ่น
สัมผัสรสชาติอันลุ่มลึกของเกียวโต ในมัทฉะเทอร์รีน
เทอร์รีนเนื้อเนียนนุ่ม สัมผัสเข้มข้น รังสรรค์จาก มัทฉะแท้คุณภาพสูงจากเกียวโต
กลิ่นหอมและรสสัมผัสที่พิเศษไม่เหมือนใคร ให้รสชาติขมปลายลิ้นที่เป็นเอกลักษณ์ของมัทฉะเกรดพรีเมียม
ผสมผสานอย่างลงตัวกับความหวานที่พอดี จากไวท์ช็อกโกแลต ได้รสชาติที่ลุ่มลึก ไม่เลี่ยน
สัมผัสประสบการณ์ชาเขียวคุณภาพพรีเมียมจากแบรนด์ ฮาราดะ (Harada) ที่คัดสรรผงมัทฉะบริสุทธิ์ 100% มาจากแหล่งปลูกชาชั้นเลิศในจังหวัด ชิซูโอกะ (Shizuoka) ประเทศญี่ปุ่น ผงมัทฉะ นี้จะมอบรสชาติที่เข้มข้น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และสามารถใช้งานได้หลากหลายในทุกเมนู
ความโดดเด่นของมัทฉะจากชิซูโอกะ
แหล่งกำเนิดคุณภาพสูง: จังหวัดชิซูโอกะตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ มีสภาพอากาศที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปลูกชาเขียว จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น "สวรรค์แห่งชา"
ผงชาเขียวแท้ 100%: ผลิตจากใบชาเขียวคุณภาพดี โดยไม่มีการผสมสารแต่งกลิ่น สี หรือน้ำตาลใดๆ ทำให้คุณได้รับรสชาติและกลิ่นหอมของชาเขียวแท้แบบเต็มที่
รสชาติเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์: ด้วยคุณภาพของใบชาที่คัดเลือกมาอย่างดี มัทฉะนี้จึงมีรสชาติ อูมามิ (Umami) ที่เข้มข้นอย่างสมดุล ไม่ขมจนเกินไป และมีกลิ่นหอมสดชื่น
มัทฉะเพื่อไลฟ์สไตล์ที่ดี
มัทฉะ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะนอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
สารต้านอนุมูลอิสระสูง: มัทฉะเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย
ช่วยเพิ่มความสดชื่นและมีสมาธิ: มีสารคาเฟอีนและ L-Theanine ทำงานร่วมกัน ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีสมาธิ แต่ให้ความรู้สึกสงบ
ใช้งานได้หลากหลาย: สามารถนำไปทำเครื่องดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น เช่น มัทฉะลาเต้, สมูทตี้ รวมถึงใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในการทำเบเกอรี่ ขนมหวาน และไอศกรีม
วิธีการเตรียมมัทฉะเบื้องต้น
1. ใช้ผงมัทฉะประมาณ 1-2 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา) ลงในถ้วย
2. เติมน้ำร้อน (อุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียส) 60-70 มล.
3. ใช้ไม้ตีชา (Chasen) หรืออุปกรณ์สำหรับตีชา คนหรือตีให้เกิดฟองละเอียดจนผงมัทฉะละลายเข้ากันดี
4. สามารถเติมน้ำร้อนเพิ่ม หรือผสมนมเพื่อทำมัทฉะลาเต้ได้ตามความชอบ
ผงมัทฉะ จากแบรนด์ ฮาราดะ (Harada) จึงเป็นตัวเลือกที่มั่นใจได้ มอบ มัทฉะแท้ ที่มีคุณภาพและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Yumepirika ถือเป็นพันธุ์ข้าวระดับไฮเอนด์ที่ใช้สุดยอดเทคโนโลยีการเพาะสายพันธุ์ข้าวในฮอกไกโด
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ยูเมะพิริกะ (Yumepirika) จากแบรนด์ โฮคุเรน (Hokuren) เป็นข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์พรีเมียมที่ปลูกในจังหวัดฮอกไกโด ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องอากาศหนาวเย็นและดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ข้าวมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ถือเป็นข้าวเกรดสูงที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น
ลักษณะเด่นของ Yumepirika
• เมล็ดอวบอ้วน และเงางาม - เมล็ดข้าวมีขนาดปานกลางถึงใหญ่ เมื่อหุงแล้วจะเงางามและมีความหนึบที่โดดเด่น
• เนื้อนุ่มแต่ไม่เละ - ข้าวมีความเหนียวและนุ่มในระดับที่พอดี ไม่ร่วนหรือแข็งเกินไป
• รสหวานธรรมชาติ - มีรสชาติอ่อนๆ และหวานธรรมชาติ แม้ทานเปล่าๆ ก็ยังอร่อย
• กลิ่นหอมพิเศษ - มีกลิ่นหอมที่แตกต่างจากข้าวพันธุ์อื่น
• ปลูกในอากาศหนาวเย็น - อุณหภูมิที่เย็นของฮอกไกโดช่วยให้ข้าวมีคุณภาพดีขึ้นและสามารถเก็บรักษาได้นาน
รางวัลและมาตรฐานคุณภาพ
• Yumepirika ได้รับการรับรองมาตรฐาน 特A (Toku A) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของข้าวญี่ปุ่น
• เป็นข้าวที่ได้รับความนิยมในร้านอาหารระดับพรีเมียมทั่วญี่ปุ่น
• ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลฮอกไกโดให้เป็นข้าวเกรดพรีเมียมของภูมิภาค
เมนูที่เหมาะกับ Yumepirika
เนื่องจาก Yumepirika เป็นข้าวที่มีความเหนียวนุ่มและมีรสหวานในตัว จึงเหมาะกับอาหารที่ต้องการข้าวคุณภาพสูง เช่น
• ข้าวสวย (Cooked Rice) - เมล็ดข้าวสวย เมื่อหุงสุกจะมีความเงาสวย เหมาะสำหรับทานแบบข้าวสวย
• ซูชิ (Sushi) - เมล็ดข้าวเหนียวกำลังดี จับตัวได้ง่าย ไม่แฉะเกินไป
• ข้าวปั้น (Onigiri) - รสชาติหวานธรรมชาติทำให้กินเปล่าๆ ก็อร่อย
• ข้าวญี่ปุ่นธรรมดา (Gohan) - เหมาะสำหรับทานคู่กับปลาย่างหรืออาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
• ข้าวหน้าอาหารทะเล (Kaisendon/Donburi) - ความหนึบของข้าวช่วยเสริมรสชาติของปลาดิบได้ดี
Yumepirika ถือเป็นข้าวที่ให้รสชาติที่ดีที่สุดของฮอกไกโด ถ้าคุณต้องการข้าวที่นุ่ม หอม และมีคุณภาพสูง Yumepirika คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
• ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
• ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบาๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
• กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
• ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำเวลาหุงข้าวจะนุ่มไม่กระด้าง
• หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ คนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
• เก็บในที่แห้งและเย็น
• ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
• หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
• คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
• ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
• ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์