อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช เคล็ดลับความอร่อยจากครัวญี่ปุ่น
"ชิโอะโคโช" (塩こしょう) หรือ เกลือและพริกไทยดำ เป็นเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในครัวเรือน เพราะช่วยดึงรสชาติของวัตถุดิบให้อร่อยขึ้นแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้เครื่องปรุงหลายชนิด อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช ไม่ได้เป็นแค่เครื่องปรุงทั่วไป แต่เป็น "ผู้ช่วยเชฟ" ที่ช่วยให้การทำอาหารง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะทำเมนู เนื้อย่าง หมูทอด ไก่ย่าง บาร์บีคิว ซุป หรือแม้แต่อาหารตะวันตก ก็สามารถใช้ได้อย่างลงตัว แค่โรยเบาๆ ก็ได้รสชาติอร่อยแบบมืออาชีพ!
เมนูแนะนำ
♥ สเต๊กเนื้อพริกไทยเกลือ
วัตถุดิบ
- เนื้อสเต๊ก (ริบอาย, สันนอก หรือเนื้อที่ชอบ) 200 กรัม
- เฮ้าส์ อาจิซุเกะ ชิโอะโคโช 1 ช้อนชา
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
- เนย 10 กรัม
- กระเทียมฝานบาง 2-3 กลีบ
วิธีทำ:
1. โรย เฮ้าส์ อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช ให้ทั่วเนื้อทั้งสองด้าน
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก พอร้อน ใส่เนื้อลงไปย่างให้สุกตามต้องการ
3. ใส่เนยและกระเทียมลงไปผัดให้หอม แล้วราดบนเนื้อ
4. เสิร์ฟพร้อมผักย่างหรือมันฝรั่งทอด
♥ ข้าวผัดญี่ปุ่น (ชิโอะยากิเมชิ)
วัตถุดิบ:
- ข้าวสวย 1 ถ้วย
- หมูสับ หรือไก่สับ 50 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- เฮ้าส์ อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช 1 ช้อนชา
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ:
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ผัดหมูสับจนสุก
2. ตอกไข่ลงไป คนให้เข้ากันแล้วใส่ข้าวสวย
3. โรย เฮ้าส์ อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช ผัดให้เข้ากัน
4. โรยต้นหอมซอย แล้วตักเสิร์ฟ
เมนูไหนก็อร่อยขึ้น แค่มีติดครัวไว้! ☺️
เพลิดเพลินไปกับความสดใหม่ของเส้นอุด้งจาก Ogawa
ราเมนเส้นสด เหนียวหนึบ สูตรต้นตำหรับจากญี่ปุ่น แบบเดียวกับที่ใช้ตามร้านราเมนชื่อดัง
ราเมนเส้นสดที่ใช้กรรมวิธีผลิตแบบพิเศษที่ทำให้เส้นมีความสด เส้นที่ได้เหนียวนุ่ม อร่อย ให้คุณได้ลิ้มรสชาติของเส้นราเมนแท้ๆ
เหมาะสำหรับเมนูราเมนร้อน บะหมี่เย็น และยากิโซบะ หากคุณเป็นคนชอบทานราเมน ขอแนะนำเลยค่ะ
วิธีเตรียมเส้น
ต้มน้ำให้เดือด สางเส้นไม่ให้ติดกันก่อนลวก
*ไม่ควรนำเส้นไปล้างหรือจุ่มน้ำเพื่อล้างแป้งก่อนลวก เพราะจะทำให้เส้นติดกัน
- เมนูราเมน ใช้เวลาลวกเส้นประมาณ 2-3 นาที
- เมนูบะหมี่เย็น ใช้เวลาลวกเส้นประมาณ 2:45-3:15 นาที แล้วนำเส้นไปจุ่มในนำเย็นก่อนเสิร์ฟ
- เมนูยากิโซบะ ใช้เวลาลวกเส้นประมาณ 1:30-1:45 นาที
ท้าให้ลอง! เกี๊ยวซ่าไส้แน่น แค่ทอดก็กรอบ อร่อยระดับร้านดัง
เมนูยอดฮิตที่คนญี่ปุ่นหลงรัก “เกี๊ยวซ่า” ติดอันดับต้นๆอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเอกลักษณ์แป้งบาง ไส้แน่น และ สชาติกลมกล่อม ผสมผสานผักและเครื่องปรุงอย่างลงตัว เกี๊ยวซ่าไส้ผักรวม เต็มไปด้วยความกรุบกรอบของผักหลากชนิด ทานง่าย ไม่เลี่ยน เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ ม่ว่าจะเป็นมื้อกลางวันเร่งด่วน อาหารเย็นกับครอบครัว หรือเมนูเสริมในร้านอาหาร เกี๊ยวซ่าไส้ผักรวมก็พร้อมตอบโจทย์ทั้งรสชาติและความสะดวก ห้คุณได้ลิ้มรสความอร่อยเหมือนนั่งทานในร้านที่ญี่ปุ่น
วิธีการทอดเกี๊ยวซ่าแบบแช่แข็ง
• เตรียมน้ำร้อน 150 cc สำหรับเกี๊ยวซ่าแช่แข็งจำนวนหนึ่งห่อ ไม่ต้องนำเกี๊ยวซ่าไปละลายน้ำแข็งก่อนทำอาหาร (ปริมาณและเวลาเป็นเพียงการประมาณการณ์เท่านั้น โปรดปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม)
• ใส่น้ำมัน 30 cc ลงในกระทะ และตั้งไฟเป็นเวลา 30 วินาที เมื่อน้ำมันร้อนแล้ว ให้วางเกี๊ยวซ่าลงในกระทะ โปรดปิดฝาในขณะที่ทอดเกี๊ยวซ่า
• หลังจากปิดไฟแล้ว ให้วางเกี๊ยวซ่าลงในกระทะ โดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย โปรดระมัดระวังเนื่องจากแผ่นเกี๊ยวซ่าบางมาก และอย่าแตะต้องเกี๊ยวซ่าที่เริ่มทอดแล้ว
• ตั้งไฟปานกลางแล้วราดน้ำร้อน 150cc ที่เตรียมไว้ลงบนเกี๊ยวซ่าทั้งหมดอย่างทั่วถึง (ใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที) จากนั้นปิดฝา
• เมื่อน้ำในกระทะเริ่มแห้ง ให้หยอดน้ำมันงา 2 ช้อนเล็กน้อยลงบนเกี๊ยวซ่า และปรับเป็นไฟกลางเพื่อทอดเกี๊ยวซ่าจนเป็นสีน้ำตาลทอง โปรดระวัง เนื่องจากไฟแรงจะทำให้เกี๊ยวซ่าไหม้
• เมื่อเกี๊ยวซ่ามีสีน้ำตาลทองแล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้น ตักเกี๊ยวซ่าใส่จาน และพร้อมรับประทานกับน้ำจิ้มได้เลย
แนะนำซอสทานคู่ :
• ซอสถั่วเหลืองผสมกับน้ำส้มสายชู
• ซอสพอนสึ เพิ่มรสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม ยิ่งช่วยเสริมรสชาติให้กลมกล่อมขึ้น
• น้ำจิ้มซีอิ๊วพริกหรือจิ้มกับน้ำมันงาก็อร่อยไม่แพ้กัน
เคยลองทานถั่วเน่าญี่ปุ่น (นัตโตะ) หรือยังคะ?
หลายๆ คนที่เคยเดินทางไปญี่ปุ่น เมนูอาหารเช้าเกือบทุกโรงแรมในประเทศญี่ปุ่นต้องมีเสริ์ฟนัตโตะ (Natto) หรือถั่วเหลืองญี่ปุ่นหมัก รู้หรือไม่คะ ว่านัตโตะถือเป็นอาหารสุขภาพที่ชาวญี่ปุ่นต่างยกนิ้วให้ เพราะอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ มีวิตามินบี 12 สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรไบโอติกที่ช่วยในการย่อย ทำให้กระเพาะและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ทำให้นัตโตะถูกยกย่องให้เป็น Super Food
Okina Natto Fukuoka เป็นนัตโตะที่ผลิตจากเมืองฟุกุโอกะ โดยคัดเลือกถั่วเหลืองของขึ้นชื่อของเมือง นำมาหมักในกรรมวิธีดั้งเดิม จนได้นัตโตะที่มีกลิ่นเฉพาะตัว และรสชาติเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมซอสและมัสตาร์ดให้ได้ทานคู่กัน ใครที่ไม่เคยลอง อยากแนะนำให้เปิดใจค่ะ
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Yukinkomai จากเมืองนีงาตะ เมืองแห่งข้าว
เคยลองทานถั่วเน่าญี่ปุ่น (นัตโตะ) หรือยังคะ?
หลายๆ คนที่เคยเดินทางไปญี่ปุ่น เมนูอาหารเช้าเกือบทุกโรงแรมในประเทศญี่ปุ่นต้องมีเสริ์ฟนัตโตะ (Natto) หรือถั่วเหลืองญี่ปุ่นหมัก รู้หรือไม่คะ ว่านัตโตะถือเป็นอาหารสุขภาพที่ชาวญี่ปุ่นต่างยกนิ้วให้ เพราะอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ มีวิตามินบี 12 สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรไบโอติกที่ช่วยในการย่อย ทำให้กระเพาะและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ทำให้นัตโตะถูกยกย่องให้เป็น Super Food
Shindo Fuji Fukuoka Jiman Natto เป็นนัตโตะที่ผลิตจากเมืองฟุกุโอกะ โดยคัดเลือกถั่วเหลืองเม็ดโตของขึ้นชื่อของเมือง นำมาหมักในกรรมวิธีดั้งเดิม จนได้นัตโตะที่มีกลิ่นเฉพาะตัว และรสชาติเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมซอสและมัสตาร์ดให้ได้ทานคู่กัน ใครที่ไม่เคยลอง อยากแนะนำให้เปิดใจค่ะ
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Koshihikari จากจังหวัดนีงาตะ
เป็นพันธุ์ข้าวที่คนญี่ปุ่นนิยมปลูกและรับประทานมากที่สุด เพราะมีรสชาตินุ่มละมุน รสหวาน และเคี้ยวหนึบ จนถูกขนานนามอีกชื่อหนึ่งว่า “ข้าวจากแดนสวรรค์ ” เมื่อหุงจนสุกเม็ดข้าวจะขาวเงางามคล้ายอัญมณี มีความเหนียวเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ แม้จะทิ้งไว้จนเย็นข้าวยังคงมีรสชาติดี นิยมนำมาใช้ทำเมนูซูชิ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่านคนเบาๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำจนอ่อนนุ่ม
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆคนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บในที่แห้งและเย็น
2. ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
3. หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
1. คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
2. ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
3. ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Nanatsuboshi ข้าวที่เติบโตท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ของฮอกไกโด
นิยมปลูกมากในฮอกไกโด เมล็ดข้าวอวบ หุงแล้วขึ้นเงา มีความเหนียวปานกลาง และความหวานแบบพอดี ทำให้โดนใจชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก แม้ข้าวจะเย็นแต่ยังคงความนุ่ม หอม อร่อย สามารถทำอาหารได้หลากหลายประเภท แต่จะนิยมนำมาทำเบนโตะและซูชิ
• ลักษณะเมล็ด – เมล็ดข้าวอวบ ขาว หุงขึ้นหม้อ
• รสชาติ – มีรสหวานและยังคงอร่อยแม้จะเย็นแล้ว
• ความเหนียว – ความเหนียวกำลังดี
• เมนูที่เหมาะสม – เบนโตะ และซูชิ
• ความลับของสายพันธุ์ – ถือว่าเป็นข้าวที่มีความสมดุลระหว่างรสชาติกับเนื้อสัมผัสมากที่สุดในสายพันธุ์ข้าวฮอกไกโด เมื่อหุงจนสุกข้าวมีความขาว ความเงา ความหอม ให้รสชาตินุ่มนวล และเคี้ยวอร่อย
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบาๆประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำจนอ่อนนุ่ม
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อย ๆ คนให้น้ำระเหย
สัมผัสรสชาติ ชาเขียว มัทฉะ พรีเมี่ยม ที่ให้ความหอมสดชื่นอูมามิแบบต้นตำรับญี่ปุ่น
ชาเขียวมัทฉะ จากเมืองนิชิโอะ ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในชาเขียวคุณภาพสูงของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในรูปแบบชาเขียวมัทฉะ ซึ่งเมืองนี้มีชื่อเสียงด้านการผลิตมัทฉะเกรดพรีเมี่ยม เพราะใช้วิธีการร่มเงาก่อนเก็บเกี่ยว 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มปริมาณคลอโรฟิลล์ ทำให้ได้ใบชาสีเขียวสด และ ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ คาเทชิน และ แอล-ธีอะนีน ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและกระตุ้นสมาธิ และ ยังมีรสชาติหอมละมุน ละลายง่าย ไม่ขมฝาด หวานธรรมชาติ และ อูมามิแบบญี่ปุ่นแท้ๆ คนรักมัทฉะไม่ควนพลาด!!!
เหมาะสำหรับ
• ชงดื่มแบบร้อน-เย็น มัทฉะลาเต้ / โกจิฉะ / ชาเขียวสด
• ใช้ทำขนม เช่น ไดฟุกุ ไอศกรีม ชีสเค้ก มาการอง
• ใช้ในพิธีชงชาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
วิธีชงแบบดั้งเดิม (Usucha – ชาเข้มข้นแบบบาง)
• ตัก มัทฉะ 1-2 กรัม (ประมาณ ½ - 1 ช้อนชา) ลงในถ้วย
• เติม น้ำร้อน 70-80°C ประมาณ 70-100 มล.
• ใช้ แปรงไม้ไผ่ (Chasen) ตีเป็นรูปตัว M หรือ W จนเกิดฟองเนียนนุ่ม
• พร้อมดื่มทันที! ได้รสชาติหอมละมุน อูมามิเต็มคำ
วิธีชงมัทฉะลาเต้ (ร้อน / เย็น)
• ตัก มัทฉะ 2 กรัม (1 ช้อนชา) ลงในแก้ว
• เติม น้ำร้อน 50 มล. คนให้ละลาย
• เติม นมสดหรือนมทางเลือก 150-200 มล. (ร้อนหรือเย็น)
• เติมน้ำแข็ง (ถ้าชงแบบเย็น) และเพิ่มความหวานตามชอบ
✨ เคล็ดลับ: ใช้น้ำร้อน 70-80°C หลีกเลี่ยงน้ำเดือดเกินไปเพื่อคงความหวานและอูมามิของมัทฉะ
ประโยชน์ของมัทฉะ
• ช่วยเพิ่มพลังงาน: มัทฉะมีสาร L-theanine ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายแ ต่ยังคงความกระปรี้กระเปร่า
• ช่วยเผาผลาญไขมัน: มัทฉะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
• บำรุงผิวพรรณ: สารต้านอนุมูลอิสระในมัทฉะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์
• ช่วยลดคอเลสเตอรอล: ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
หมึกตัดแบบแท่งทานง่าย ยิ่งเคี้ยว ยิ่งอูมามิ
"ปลาหมึกแห้ง" ที่นำมาหั่นเป็นเส้นยาวคล้ายแท่ง ปรุงรสและอบจนมีกลิ่นหอมของปลาหมึก ซึ่งเป็นของว่างยอดนิยมของประเทศญี่ปุ่น เหมาะสำหรับทานเล่นหรือเป็นเครื่องเคียงทานคู่กับเครื่องดื่มต่างๆ
Natori Just Pack ซีรี่ย์ สุดยอดกับแกล้มตัวท็อป ที่คัดมาแล้วสำหรับสายดื่ม!!
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Yumepirika ถือเป็นพันธุ์ข้าวระดับไฮเอนด์ที่ใช้สุดยอดเทคโนโลยีการเพาะสายพันธุ์ข้าวในฮอกไกโด
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ยูเมะพิริกะ (Yumepirika) จากแบรนด์ โฮคุเรน (Hokuren) เป็นข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์พรีเมียมที่ปลูกในจังหวัดฮอกไกโด ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องอากาศหนาวเย็นและดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ข้าวมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ถือเป็นข้าวเกรดสูงที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น
ลักษณะเด่นของ Yumepirika
• เมล็ดอวบอ้วน และเงางาม - เมล็ดข้าวมีขนาดปานกลางถึงใหญ่ เมื่อหุงแล้วจะเงางามและมีความหนึบที่โดดเด่น
• เนื้อนุ่มแต่ไม่เละ - ข้าวมีความเหนียวและนุ่มในระดับที่พอดี ไม่ร่วนหรือแข็งเกินไป
• รสหวานธรรมชาติ - มีรสชาติอ่อนๆ และหวานธรรมชาติ แม้ทานเปล่าๆ ก็ยังอร่อย
• กลิ่นหอมพิเศษ - มีกลิ่นหอมที่แตกต่างจากข้าวพันธุ์อื่น
• ปลูกในอากาศหนาวเย็น - อุณหภูมิที่เย็นของฮอกไกโดช่วยให้ข้าวมีคุณภาพดีขึ้นและสามารถเก็บรักษาได้นาน
รางวัลและมาตรฐานคุณภาพ
• Yumepirika ได้รับการรับรองมาตรฐาน 特A (Toku A) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของข้าวญี่ปุ่น
• เป็นข้าวที่ได้รับความนิยมในร้านอาหารระดับพรีเมียมทั่วญี่ปุ่น
• ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลฮอกไกโดให้เป็นข้าวเกรดพรีเมียมของภูมิภาค
เมนูที่เหมาะกับ Yumepirika
เนื่องจาก Yumepirika เป็นข้าวที่มีความเหนียวนุ่มและมีรสหวานในตัว จึงเหมาะกับอาหารที่ต้องการข้าวคุณภาพสูง เช่น
• ข้าวสวย (Cooked Rice) - เมล็ดข้าวสวย เมื่อหุงสุกจะมีความเงาสวย เหมาะสำหรับทานแบบข้าวสวย
• ซูชิ (Sushi) - เมล็ดข้าวเหนียวกำลังดี จับตัวได้ง่าย ไม่แฉะเกินไป
• ข้าวปั้น (Onigiri) - รสชาติหวานธรรมชาติทำให้กินเปล่าๆ ก็อร่อย
• ข้าวญี่ปุ่นธรรมดา (Gohan) - เหมาะสำหรับทานคู่กับปลาย่างหรืออาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
• ข้าวหน้าอาหารทะเล (Kaisendon/Donburi) - ความหนึบของข้าวช่วยเสริมรสชาติของปลาดิบได้ดี
Yumepirika ถือเป็นข้าวที่ให้รสชาติที่ดีที่สุดของฮอกไกโด ถ้าคุณต้องการข้าวที่นุ่ม หอม และมีคุณภาพสูง Yumepirika คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
• ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
• ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบาๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
• กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
• ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำเวลาหุงข้าวจะนุ่มไม่กระด้าง
• หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ คนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
• เก็บในที่แห้งและเย็น
• ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
• หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
• คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
• ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
• ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์