มัสตาร์ดญี่ปุ่นยอดนิยม เผ็ด เข้มข้น ร้อนแรง
คาราชิมัสตาร์ด (Karashi Japanese Mustard) คือมัสตาร์ดที่ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้เพิ่มความอร่อยในเมนูต่างๆ เช่น โอเด้ง, หมี่เย็น, ทงคัตสึ หรือนัตโตะ เป็นต้น เนื้อมัสตาร์ดมีสีเหลือง รสชาติเผ็ดฉุนคล้ายวาซาบิ แตกต่างจากมัสตาร์ดทั่วไปที่เราคุ้นเคยกันที่มักจะผสมน้ำส้มสายชูหรือส่วนผสมอื่นลงไปเพื่อเจือจาง คาราชิมัสตาร์ดห่อนี้มาในรูปแบบผง เพียงผสมน้ำแล้วคนให้เข้ากันก็จะได้มัสตาร์ดสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ไว้อร่อยกับเมนูโปรดของคุณแล้วค่ะ
วิธีผสมคาราชิมัสตาร์ด (สำหรับผงมัสตาร์ด 100 กรัม)
• ผสมน้ำสะอาด 150 มล. เข้ากับผงมัสตาร์ดทีละนิด ค่อยๆ คนให้เข้ากันดีแล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที ก่อนรับประทาน
• สามารถปรับปริมาณน้ำเพื่อเพิ่มหรือลดความเข้มข้นของมัสตาร์ดได้ตามต้องการ
• มัสตาร์ดที่ผสมแล้วแนะนำให้รับประทานให้หมดทันที
• หากยังไม่ใช้หรือใช้ไม่หมด ให้นำใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท เนื่องจากกลิ่นและรสชาติอาจเกิดความเปลี่ยนแปลงเมื่อสัมผัสอากาศ
• เก็บในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง
คาคิโนะทาเนะ ขนมกรุบกรอบยอดนิยมของญี่ปุ่น สำหรับคนชอบรสบ๊วย
คาคิโนะทาเนะ จากแบรนด์ คาเมดะ (Kameda) เป็นขนมข้าวอบกรอบรสบ๊วย รูปพระจันทร์เสี้ยว ทำจากแป้งข้าวเจ้านำมานวด ตัด และอบจนกรอบ พร้อมกับผสมใบชิโซะและถั่วลิสงอบกรอบ ด้วยกลิ่นบ๊วนที่สดชื่น และรสเปรี้ยว ที่เข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มทุกชนิด เหมาะสำหรับเป็นของว่าง หรือ อาหารเรียกน้ำย่อยในโอกาสต่างๆ ให้คุณได้อร่อยแบบฟินๆ ไปกับขนมยอดนิยมของญี่ปุ่น และ ถูกใจสำหรับคนชอบรสเปรี้ยว ข้าวอบกรอบของคาเมดะใช้วิธีการอบ ไม่ทอด และ ไม่มีคอเลสเตอรอล ปราศจากผงชูรส อีกด้วย แบบนี้ต้องมีติดบ้านไว้แล้วค่ะ
เพิ่มรสชาติจัดจ้าน มัสตาร์ดญี่ปุ่น หลอดเดียวเอาอยู่!
มัสตาร์ดญี่ปุ่นแบบหลอด จากแบรนด์ เฮ้าฟู้ดส์ (House Foods) มีรสชาติเผ็ดร้อนฉุนจี๊ดจ๊าดคล้ายวาซาบิ แต่ทำจากเมล็ดมัสตาร์ดญี่ปุ่น (คาราชิ) บดละเอียดผสมกับน้ำและส่วนผสมอื่นๆ จนได้เนื้อครีมข้น นิยมใช้เป็นเครื่องจิ้มหรือปรุงรสอาหารญี่ปุ่นหลากหลายชนิด
อร่อยได้อย่างหลากหลาย :
• เครื่องจิ้ม - เพิ่มรสชาติให้โอเด้ง ทงคัตสึ เกี๊ยวซ่า หรือซาลาเปา
• ปรุงรส - ผสมกับซอสพอนสึ ซอสเทริยากิ หรือน้ำจิ้มเกี๊ยวซ่า เพิ่มความจัดจ้าน
• ทาบนอาหาร - ทาเนื้อสัตว์หรือปลา ก่อนย่างหรือทอด เพิ่มรสชาติให้เข้มข้น
• ทำไส้แซนวิช - ผสมกับมายองเนส ทาขนมปังเพื่อรสชาติที่แปลกใหม่
ข้าวญี่ปุ่นจากเมืองฮอกไกโด เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์
ชวนคุณมาชิมข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ ปลูกที่เมืองฮอกไกโด เมืองที่ธรรมชาติสวยงาม น้ำใสสะอาด ข้าวที่ได้มีรสชาติหวาน นุ่ม เหนียว เคี้ยวเพลิน เหมาะกับทำอาหารญี่ปุ่นอย่างเมนูข้าวซูชิ ข้าวปั้นโอนิกิริ มาลองชิมความแตกต่างของรสชาติข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ กันค่ะ หากสนใจทำเมนูข้าวซูชิ เรามีน้ำส้มปรุงรสข้าว และสาหร่ายสำหรับห่อข้าว ขายด้วยนะคะ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบา ๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำเวลาหุงข้าวจะนุ่มไม่กระด้าง
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ คนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บในที่แห้งและเย็น
2. ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
3. หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
1. คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
2. ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
3. ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
เพิ่มความจี๊ดจ๊าดให้กับเมนูอาหารของคุณด้วยนามะวาซาบิ!
นามะ วาซาบิ (Nama Wasabi) หรือวาซาบิสดแบบหลอด จากแบรนด์ เฮ้าส์ ฟู้ดส์ (House Foods) มีรสชาติฉุนจี๊ดจ๊าดที่เป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากทำจากรากวาซาบิสดที่ผ่านการบดละเอียด ซึ่งเป็นการให้รสชาติที่สดใหม่กว่าวาซาบิแห้ง
นามะ วาซาบิ นิยมใช้เป็นเครื่องจิ้มทานคู่กับซูชิ หรือปรุงรสในอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ เช่น ซาชิมิ หรือราเมน ก็จะช่วยทำให้เมนูของคุณมีความเผ็ดร้อนจี๊ดจ๊าดมากยิ่งขึ้นค่ะ
ชาเขียวเซนฉะชนิดชงได้ทั้งร้อนและเย็น ถูกใจสำหรับคนรักชา
ซอสคู่ครัวของสายปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น
คุณเองก็ทำสเต็กฉ่ำซอสแสนอร่อยได้ง่ายๆ ถ้ามีขวดนี้
Sansho เครื่องเทศญี่ปุ่น ที่จะชูรสชาติอาหารของคุณให้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น
พริกหอม หรือพริกไทยญี่ปุ่น (Sansho) จากแบรนด์ เฮ้าส์ ฟู้ดส์ (House Foods) ผลิตจากพริกไทยญี่ปุ่นแท้ 100% ทำให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่ช่วยเสริมรสชาติของอาหาร ไม่ว่าจะใช้โรยบนปลาย่าง อาหารทะเล หรือเมนูเนื้อ ทำให้ชูรสชาติความกลมกล่อมและกลิ่นหอมที่โดดเด่นให้กับอาหารได้อย่างลงตัว
อาหารประเภทย่าง:
• นิยมโรยบนปลาไหลย่าง (Unagi) เพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มรสชาติ
• ใช้กับเนื้อย่าง (Yakiniku) และไก่ย่าง (Yakitori) เพื่อเพิ่มความหอมและรสเผ็ดร้อน
อาหารประเภทเส้น:
• ใช้โรยบนบะหมี่ (Ramen) หรืออุด้ง เพื่อเพิ่มรสชาติ
อาหารประเภทอื่นๆ:
• ใช้ปรุงรสในอาหารประเภทหม้อไฟ (Nabe)
• ใช้ผสมกับเกลือเพื่อทำเป็นเกลือพริกไทยญี่ปุ่น (Sansho salt) สำหรับจิ้มอาหาร
เครื่องปรุง:
• ใช้ปรุงรสเนื้อสัตว์และปลา อาหารตุ๋น อาหารนึ่ง และเทมปุระ
• ใช้ปรุงซุปมิโซะ ซุปใส osuimono
• ใช้ปรุงอาหารต้มซีอิ๊ว ปรุงกับปลาซาร์ดีนแห้ง หรือดอง
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Koshihikari จากจังหวัดนีงาตะ
เป็นพันธุ์ข้าวที่คนญี่ปุ่นนิยมปลูกและรับประทานมากที่สุด เพราะมีรสชาตินุ่มละมุน รสหวาน และเคี้ยวหนึบ จนถูกขนานนามอีกชื่อหนึ่งว่า “ข้าวจากแดนสวรรค์ ” เมื่อหุงจนสุกเม็ดข้าวจะขาวเงางามคล้ายอัญมณี มีความเหนียวเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ แม้จะทิ้งไว้จนเย็นข้าวยังคงมีรสชาติดี นิยมนำมาใช้ทำเมนูซูชิ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่านคนเบาๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำจนอ่อนนุ่ม
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆคนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บในที่แห้งและเย็น
2. ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
3. หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
1. คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
2. ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
3. ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
มาทำขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมกันค่ะ
แป้งวาราบิโมจิ จากแบรนด์ คิง ฟู้ด (King Food) คือผลิตภัณฑ์แป้งทำขนมญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ชื่นชอบในการทำขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น เช่น วาราบิโมจิ โมจิ หรือขนมที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ โดยสามารถปรับสูตรได้ตามแบบเฉพาะของคุณ สำหรับเมนูวาราบิโมจิ หากยิ่งทานคู่กับผงคินาโกะด้วยแล้ว ยิ่งอร่อยในแบบฉบับของญี่ปุ่นแท้ๆเลยค่ะ
วิธีทำ
1. ผสมแป้งวาราบิโมจิ 1 ถุง ต่อน้ำประมาณ 700 cc
2. ตั้งไฟโดยใช้ไฟกลาง เมื่อสีของแป้งเริ่มขุ่นและจับกันเป็นก้อน ให้ลดไฟเป็นไฟอ่อน หมั่นคนให้เข้ากันจนแป้งเริ่มใส
3. เมื่อแป้งใสได้ที่แล้ว ให้เทลงบนภาชนะที่มีลักษณะแบน ค่อยๆใส่น้ำด้านบนแป้งเพื่อให้แป้งเย็นตัวลง แล้วตัดเป็นชิ้นพอดีคำ
วิธีลัด
• ตักแป้งที่เพิ่งกวนเสร็จในขนาดพอดีคำ แล้วใส่ในน้ำเย็นจัด (น้ำผสมน้ำแข็ง) นำมาสะเด็ดน้ำเรียบร้อยแล้ว เพื่อเพิ่มความอร่อยให้โรยผงคินาโกะ หรือผงชาเขียวตามชอบ
วิธีทำด้วยไมโครเวฟ
*แนะนำให้แบ่งทำทีละน้อย*
1. ใช้แป้งวาราบิโมจิ 60 กรัม (สำหรับ 2 เสิร์ฟ) ต่อน้ำ 270 CC
2. ผสมน้ำกับแป้งใส่ในภาชนะที่ใหญ่คนให้เข้ากัน จากนั้นแร็ปปิดฝาด้านบน
3. นำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟ 500 วัตต์ ประมาณ 4 นาที นำออกมาคนให้เข้ากัน จากนั้นแร็ปปิดฝาด้านบน เข้าไมโครเวฟอีกครั้ง จนแป้งสุกและมีเนื้อใส
4. นวดให้เข้ากัน หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วทิ้งให้เย็น เพื่อเพิ่มความอร่อยให้โรยผงคินาโกะ หรือผงชาเขียวตามชอบ
(สามารถปรับสูตรได้ตามความต้องการ)
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Nanatsuboshi ข้าวที่เติบโตท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ของฮอกไกโด
นิยมปลูกมากในฮอกไกโด เมล็ดข้าวอวบ หุงแล้วขึ้นเงา มีความเหนียวปานกลาง และความหวานแบบพอดี ทำให้โดนใจชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก แม้ข้าวจะเย็นแต่ยังคงความนุ่ม หอม อร่อย สามารถทำอาหารได้หลากหลายประเภท แต่จะนิยมนำมาทำเบนโตะและซูชิ
• ลักษณะเมล็ด – เมล็ดข้าวอวบ ขาว หุงขึ้นหม้อ
• รสชาติ – มีรสหวานและยังคงอร่อยแม้จะเย็นแล้ว
• ความเหนียว – ความเหนียวกำลังดี
• เมนูที่เหมาะสม – เบนโตะ และซูชิ
• ความลับของสายพันธุ์ – ถือว่าเป็นข้าวที่มีความสมดุลระหว่างรสชาติกับเนื้อสัมผัสมากที่สุดในสายพันธุ์ข้าวฮอกไกโด เมื่อหุงจนสุกข้าวมีความขาว ความเงา ความหอม ให้รสชาตินุ่มนวล และเคี้ยวอร่อย
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบาๆประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำจนอ่อนนุ่ม
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อย ๆ คนให้น้ำระเหย