Bull-Dog Sauce has a history spanning over 100 years and is considered one of Japan’s representative condiments.
พลาดไม่ได้เลยจริงๆสำหรับชีสเลิฟเวอร์กับซอสสเต๊กสูตรนี้ จากเบลฟู้ด
อร่อยกับสเต็กซอสรสชีส จากเบลฟู้ด ที่จะให้คุณได้ลิ้มรสความนัวจากชีส ที่เข้ากันได้ดีสุดๆกับสเต็กจานโปรดของคุณ ไม่ว่าจะใช้เป็นซอสทานกับเฟรนช์ฟรายส์ หรือเมนูทอดอื่นๆก็ยังได้ แค่นึกถึงความหอมและความหนุบหนับของชีสแสนอร่อย ก็ชวนให้ท้องร้องแล้ว~
ซอสคู่ครัวของสายปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น
ซอสเกี๊ยวซ่า (Gyoza Sauce) แบรนด์ เบลฟู้ดส์ (Bell Foods) เป็นเครื่องปรุงรสสำเร็จรูปที่คิดค้นขึ้นเพื่อใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับเกี๊ยวซ่าโดยเฉพาะ เป็นที่ทราบกันดีว่า เกี๊ยวซ่าในประเทศญี่ปุ่นมักจะรับประทานคู่กับน้ำจิ้มที่มีส่วนผสมหลักของโชยุ (Shoyu) หรือซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำส้มสายชู (Vinegar) และน้ำมันพริกเผาญี่ปุ่นที่เรียกว่ารายุ (Rāyu) แต่สำหรับซอสเกี๊ยวซ่าของเบลฟู้ดส์นี้ ได้ถูกปรุงรสชาติมาอย่างพิถีพิถันจากส่วนผสมที่ลงตัว เพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
จุดเด่นของซอสเกี๊ยวซ่าเบลฟู้ดส์คือการผสมผสานรสชาติที่สมดุลระหว่างความเค็ม อมเปรี้ยว และเผ็ดเล็กน้อย โดยรสชาติที่โดดเด่นมาจากโชยุญี่ปุ่นที่มีคุณภาพ ผสมกับความเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชูหมัก และความเผ็ดหอมของน้ำมันรายุ ซึ่งช่วยเติมเต็มรสอูมามิของเกี๊ยวซ่าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์นี้จึงมีความสะดวกอย่างยิ่ง เพราะไม่ต้องเสียเวลาผสมโชยุ น้ำส้มสายชู และรายุเอง ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับเกี๊ยวซ่ารสชาติดีได้ทันที
แม้ซอสนี้จะถูกออกแบบมาสำหรับเกี๊ยวซ่า แต่ด้วยรสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อม ก็สามารถนำไปใช้เป็นน้ำจิ้มหรือน้ำราดสำหรับอาหารประเภทอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว เช่น น้ำจิ้มสำหรับสเต็กแฮมเบิร์ก (Hamburg Steak) หรือใช้เป็นซอสสำหรับราดเต้าหู้เย็น (Hiyayakko) เพื่อเพิ่มรสชาติที่สดชื่น
วิธีใช้ซอสเกี๊ยวซ่า
1. จัดเรียงเกี๊ยวซ่าที่ทอดหรือนึ่งเสร็จแล้วลงในจาน
2. เทซอสเกี๊ยวซ่าลงในถ้วยเล็ก ๆ
3. จิ้มเกี๊ยวซ่ากับซอส และรับประทานได้ทันที
ลองเปิดประสบการณ์รสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ ด้วยซอสเกี๊ยวซ่าสำเร็จรูปขวดนี้ ที่จะช่วยให้การทำเกี๊ยวซ่าที่บ้านของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
คุณเองก็ทำสเต็กฉ่ำซอสแสนอร่อยได้ง่ายๆ ถ้ามีขวดนี้
ชาเขียวคุณภาพพรีเมี่ยมจากเมืองชิซึโอกะ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "สวรรค์แห่งชา"
จังหวัดชิซึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นแหล่งปลูกชาเขียวชั้นดี เนื่องจากเป็นดินที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ จึงมีความอุดมสมบูรณ์อุดมด้วยแร่ธาตุสำคัญ จนได้รับสมมญานามว่าเป็น "สวรรค์แห่งชา" ทางแบรนด์ได้คัดเลือกแต่ชาเขียวต้นฤดูเพื่อให้ได้ประโยชน์ และกลิ่นหอมสูงสุด เมื่อนำไปทำเครื่องดื่ม ขนม ไอศครีม จะได้รับกลิ่นชาเขียวชัดเจน รสชาติเข้มข้น เกรดเดียวกับร้านอาหารและเครื่องดื่มระดับพรีเมี่ยมใช้ค่ะ
ชีสสติ๊กยืดๆ อร่อยเพลินเกินต้าน
มอสซาเรลลาชีสคุณภาพดีนำมาคลุกเกล็ดขนมปังกรุบกรอบ เพียงทอดไม่กี่นาทีก็พร้อมเสิร์ฟ ให้คุณได้ฟินกับความกรอบอร่อยพร้อมชีสยืดๆ เยิ้มๆ หอมๆ ด้านใน ติดใจแน่นอนค่ะ
วิธีรับประทาน
• นำชีสสติ๊กลงทอดในน้ำมันปริมาณมากที่ไฟปานกลางหรืออุณหภูมิประมาณ 170-175 องศาเซลเซียส จนเป็นสีเหลืองทอง จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ
• แนะนำให้นำออกมาทอดตามปริมาณที่ต้องการรับประทานในแต่ละครั้ง และเก็บส่วนที่เหลือในช่องแช่แข็งเพื่อคงคุณภาพของสินค้า
• ไม่แนะนำให้นำสินค้าที่ละลายแล้วกลับไปแช่แข็งใหม่ เพราะจะทำให้คุณภาพลดลง
ชีสบอลแสนอร่อย หอมกลิ่นพิซซ่า
เอาใจคนรักชีสด้วยชีสบอลแสนอร่อย ให้คุณเพลิดเพลินกับชีสยืดๆ เยิ้มๆ ที่มาพร้อมกลิ่นพิซซ่าหอมๆ ตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี ชิ้นเดียวไม่เคยพอ
วิธีรับประทาน
• นำชีสบอลลงทอดในน้ำมันปริมาณมากที่ไฟปานกลางหรืออุณหภูมิประมาณ 170-175 องศาเซลเซียส จนเป็นสีเหลืองทอง จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ
• แนะนำให้นำออกมาทอดตามปริมาณที่ต้องการรับประทานในแต่ละครั้ง และเก็บส่วนที่เหลือในช่องแช่แข็งเพื่อคงคุณภาพของสินค้า
• ไม่แนะนำให้นำสินค้าที่ละลายแล้วกลับไปแช่แข็งใหม่ เพราะจะทำให้คุณภาพลดลง
สเต็กไก่ทอดกรุบกรอบ สอดไส้ชีสหอมกรุ่น
สำหรับใครที่มองหาอาหารพร้อมทานไว้เติมสต็อกช่องแช่แข็งที่บ้าน เราขอแนะนำสเต็กไก่ทอดสอดไส้ชีสเยิ้มๆ หอมกรุ่นให้คุณได้ลิ้มลอง มั่นใจในความอร่อยด้วยเนื้อไก่คุณภาพดีคัดสรรจากโรงงานที่ได้มาตรฐานส่งออก นำมาสอดไส้ชีสเค็มๆ มันๆ แล้วคลุกกับเกล็ดขนมปังด้านนอก เพียงทอดไม่กี่นาทีก็พร้อมเสิร์ฟ ราดด้วยซอสทงคัตสึอีกนิด รับประทานคู่กับผักสลัดและข้าวสวยร้อนๆ แค่นี้ก็ได้เมนูเด็ดประจำบ้านเพิ่มแล้วค่ะ
วิธีรับประทาน
• นำสเต๊กลงทอดในน้ำมันปริมาณมากที่ไฟปานกลางหรืออุณหภูมิประมาณ 170-175 องศาเซลเซียส จนเป็นสีเหลืองทองทั้งสองด้าน จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ
• แนะนำให้นำออกมาทอดตามปริมาณที่ต้องการรับประทานในแต่ละครั้ง และเก็บส่วนที่เหลือในช่องแช่แข็งเพื่อคงคุณภาพของสินค้า
• ไม่แนะนำให้นำสินค้าที่ละลายแล้วกลับไปแช่แข็งใหม่ เพราะจะทำให้คุณภาพลดลง
ซอสอเนกประสงค์ ที่มีติดครัวเกือบทุกบ้านในญี่ปุ่น!!!
ซอสชูโน หรือ Chunou Sauce คือซอสที่มีรสชาติและความเข้มข้นอยู่ระหว่างซอสทงคัตสึ และ วูสเตอร์ซอส สามารถใช้ทำได้หลากหลายเมนูตั้งแต่เมนูของทอด ทงคัตสึ ไข่เจียวแบบญี่ปุ่น โอโคโนมิยากิ หรือเป็นส่วนผสมลับในสตูว์ เรียกได้ว่ามีขวดเดียวทำได้เกือบครบทุกเมนูค่ะ
หากตามหาซอส หรือน้ำจิ้มเมนูปิ้งย่าง แนะนำค่ะ เพราะอร่อยมากกกกก
ซอสปรุงรสเมนูผัดและย่าง บูลโกกิ รสหวานเผ็ด หอม อร่อย ครบรส ในขวดเดียว!
ซอสสูตรพิเศษที่ใช้ซอสถั่วเหลืองหมักธรรมชาติเป็นเบสหลัก ผสานกลิ่นหอมจากกระเทียม ขิง และต้นหอมอย่างลงตัว เติมความสดชื่นด้วยรสผลไม้จากแอปเปิ้ลและลูกแพร์ จนได้รสชาติหวาน เผ็ดเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมละมุน ที่ชวนให้อยากลิ้มลองทุกครั้งที่ได้กลิ่น
สะดวก อร่อย พร้อมทานในไม่กี่นาที
"ปลาทูน่าย่าง" เคลือบด้วยซอสเทอริยากิ รสชาติกลมกล่อม เข้มข้น อร่อย หอมหวานจากซอสเทอริยากิที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารญี่ปุ่น ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับรสชาติอร่อยกลมกล่อมในทุกคำ และได้สัมผัสรสชาติญี่ปุ่นแท้ๆไม่ต้องออกไปไหน แค่เพียงอุ่นและก็พร้อมทานแล้วค่ะ!
♥ ไม่ต้องรอนาน แค่เพียงอุ่นหรืออบ คุณก็ได้สัมผัสความอร่อยของปลาทูน่าย่างแท้ๆ เคลือบซอสเทอริยากิหวานเข้มข้น
♥ สะดวกสุดๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ก็พร้อมทานอร่อยที่บ้าน
♥ เหมือนทานที่ร้านญี่ปุ่น ไม่ต้องออกไปไหนก็ได้ลิ้มรสอาหารระดับพรีเมียม
วิธีการปรุง
1. ฉีกซองนำนำสินค้าออกจากถุง แยกถาดแต่ละชิ้นปลา ตามรอยปรุ
2. อุ่นด้วยไมโครเวฟ (ถุงผลิตภัณฑ์ไม่สามารถใช้กับไมโคเวฟได้)
• 0.50 - 1.50 นาที กำลังไฟ 500 วัตต์
• 0.40 - 1.40 นาที กำลังไฟ 600 วัตต์
3. รับประทานให้อร่อยค่ะ จะอร่อยยิ่งขึ้นเมื่อทานคู่กับ ข้าวญี่ปุ่น และซุปมิโซะ
สัมผัสประสบการณ์ชาเขียวคุณภาพพรีเมียมจากแบรนด์ ฮาราดะ (Harada) ที่คัดสรรผงมัทฉะบริสุทธิ์ 100% มาจากแหล่งปลูกชาชั้นเลิศในจังหวัด ชิซูโอกะ (Shizuoka) ประเทศญี่ปุ่น ผงมัทฉะ นี้จะมอบรสชาติที่เข้มข้น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และสามารถใช้งานได้หลากหลายในทุกเมนู
ความโดดเด่นของมัทฉะจากชิซูโอกะ
แหล่งกำเนิดคุณภาพสูง: จังหวัดชิซูโอกะตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ มีสภาพอากาศที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปลูกชาเขียว จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น "สวรรค์แห่งชา"
ผงชาเขียวแท้ 100%: ผลิตจากใบชาเขียวคุณภาพดี โดยไม่มีการผสมสารแต่งกลิ่น สี หรือน้ำตาลใดๆ ทำให้คุณได้รับรสชาติและกลิ่นหอมของชาเขียวแท้แบบเต็มที่
รสชาติเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์: ด้วยคุณภาพของใบชาที่คัดเลือกมาอย่างดี มัทฉะนี้จึงมีรสชาติ อูมามิ (Umami) ที่เข้มข้นอย่างสมดุล ไม่ขมจนเกินไป และมีกลิ่นหอมสดชื่น
มัทฉะเพื่อไลฟ์สไตล์ที่ดี
มัทฉะ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะนอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
สารต้านอนุมูลอิสระสูง: มัทฉะเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย
ช่วยเพิ่มความสดชื่นและมีสมาธิ: มีสารคาเฟอีนและ L-Theanine ทำงานร่วมกัน ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีสมาธิ แต่ให้ความรู้สึกสงบ
ใช้งานได้หลากหลาย: สามารถนำไปทำเครื่องดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น เช่น มัทฉะลาเต้, สมูทตี้ รวมถึงใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในการทำเบเกอรี่ ขนมหวาน และไอศกรีม
วิธีการเตรียมมัทฉะเบื้องต้น
1. ใช้ผงมัทฉะประมาณ 1-2 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา) ลงในถ้วย
2. เติมน้ำร้อน (อุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียส) 60-70 มล.
3. ใช้ไม้ตีชา (Chasen) หรืออุปกรณ์สำหรับตีชา คนหรือตีให้เกิดฟองละเอียดจนผงมัทฉะละลายเข้ากันดี
4. สามารถเติมน้ำร้อนเพิ่ม หรือผสมนมเพื่อทำมัทฉะลาเต้ได้ตามความชอบ
ผงมัทฉะ จากแบรนด์ ฮาราดะ (Harada) จึงเป็นตัวเลือกที่มั่นใจได้ มอบ มัทฉะแท้ ที่มีคุณภาพและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
เปิดประสบการณ์การทานปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ
แบรนด์ Nihon Shokken เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายซอสชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น แค่เห็นชื่อแบรนด์ก็การันตีได้เลยว่ารสชาติอร่อยแน่นอนค่ะ ซอสยากินิคุ หรือซอสปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นขวดนี้ ทำจากโชยุ น้ำผลไม้หมักที่ให้ความหวานตามธรรมชาติ น้ำมันงา และเครื่องเทศต่างๆ ที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อสัตว์ ใช้ได้ทั้งสำหรับหมักหรือเป็นน้ำจิ้มก็อร่อย หากอยากทานแบบสไตล์ไทยๆ เพียงเพิ่มพริกและกระเทียมอีกนิด ก็จะได้รสชาติที่จัดจ้านถูกใจยิ่งขึ้นค่ะ
พบกับ 1 ใน 3 ของเส้นอุด้งที่อร่อยที่สุดของญี่ปุ่น!!
Sanuki Udon ของจังหวัดคากาว่า ถือเป็นสุดยอมเมนูอุด้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น และได้รับความนิยมไปทั่วโลก ความพิเศษของเมนูวัดกันที่ความอร่อยของเส้นค่ะ
เปรี้ยว เค็ม หอม คือนิยามรสชาติของซอสขวดนี้!!
เรามีซอสจากแบรนด์ Shibanuma ที่เป็นแบรนด์ผลิตซอสมาตั้งแต่ปี 1688 และได้รับความนิยมมากในหมู่คนญี่ปุ่น สำหรับซอสถั่วเหลืองที่รังสรรโดยเชฟผู้มีใจรักและทักษะ เพื่อให้ออกมาเข้ากับอาหารมากที่สุด โดยเริ่มจากการคัดถั่วเหลืองชั้นดี หมักในน้ำซุปที่สกัดจากปลาโบนิโตะ เพิ่มรสเปรี้ยวและหอมด้วยส้มยูสุ เพื่อให้กลายเป็นซอสปรุงรสในอาหารหลายชนิด หรือจะราดบนผักสลัด ทำเป็นน้ำจิ้ม
ราเมนเส้นสด เหนียวหนึบ สูตรต้นตำหรับจากญี่ปุ่น แบบเดียวกับที่ใช้ตามร้านราเมนชื่อดัง
ราเมนเส้นสดที่ใช้กรรมวิธีผลิตแบบพิเศษที่ทำให้เส้นมีความสด เส้นที่ได้เหนียวนุ่ม อร่อย ให้คุณได้ลิ้มรสชาติของเส้นราเมนแท้ๆ
เหมาะสำหรับเมนูราเมนร้อน บะหมี่เย็น และยากิโซบะ หากคุณเป็นคนชอบทานราเมน ขอแนะนำเลยค่ะ
วิธีเตรียมเส้น
ต้มน้ำให้เดือด สางเส้นไม่ให้ติดกันก่อนลวก
*ไม่ควรนำเส้นไปล้างหรือจุ่มน้ำเพื่อล้างแป้งก่อนลวก เพราะจะทำให้เส้นติดกัน
- เมนูราเมน ใช้เวลาลวกเส้นประมาณ 2-3 นาที
- เมนูบะหมี่เย็น ใช้เวลาลวกเส้นประมาณ 2:45-3:15 นาที แล้วนำเส้นไปจุ่มในนำเย็นก่อนเสิร์ฟ
- เมนูยากิโซบะ ใช้เวลาลวกเส้นประมาณ 1:30-1:45 นาที
ยูซุพอนสึ รสชาติเค็มๆ เปรี้ยวๆ แต่หอมมากๆๆ
เวลาทานชาบูชาบู หลายๆ ท่านจะชอบทานคู่กับซอสพอนสึเพื่อตัดรส วันนี้เรามียูสุพอนสึที่บอกเลยว่าหากได้ลองแล้วจะติดใจค่ะ เราเลือกใช้ซอสถั่วเหลืองหมักหรือโชยุเกรดพรีเมี่ยมจากแบรนด์ Shibanuma ที่ยังคงใช้กระบวนการหมักแบบดั้งเดิมในถังไม้ ซอสถั่วเหลืองที่ได้จะมีรสอูมามิ และมีกลิ่นหอมที่ได้จากการหมักแบบช้าๆ แบบไม่โดนความร้อนและกลิ่นหอมของถังไม้ที่ใช้ นำมาผสมกับยูสุแท้ๆ จากเมือง Miyazaki เมืองที่เป็นต้นกำเนิด และได้รับการยอมรับว่ายูสุที่ได้จากเมืองนี้ มีกลิ่นหอม และอร่อยที่สุดในโลก ทำให้ซอสที่ได้มีรสชาติที่ลงตัว ที่สำคัญเรายังไม่ใส่สารกันบูด สารเพิ่มฟอง หรือ ผงชูรส (MSG.) เพื่อให้คุณได้ทานอย่างสบายใจ เป็นซอสที่ทานคู่กับอะไรก็อร่อยค่ะ
คำแนะนำ
• สินค้าอาจเกิดฟองระหว่างขนส่งเนื่องจากเราไม่ได้ใส่สารกันฟอง ไม่มีผลต่อคุณภาพสินค้า
• เมื่อเปิดใช้งานแล้ว แนะนำให้เก็บในตู้เย็น เนื่องจากไม่มีสารกันบูด
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรสชาติไข่ปลาแซลมอนอันเป็นเอกลักษณ์ ตอนนี้คุณสามารถสัมผัสความอร่อยแบบต้นตำรับญี่ปุ่นได้ง่ายๆได้ที่บ้าน ด้วยไข่ปลาแซลมอน จากแบรนด์ นิสซุย (Nissui) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทะเลญี่ปุ่น
ไข่ปลาแซลมอน คืออะไร?
ไข่ปลาแซลมอน (いくら - Ikura - อิคุระ) ของนิสซุยผลิตจากไข่ปลาแซลมอนคุณภาพเยี่ยม ผ่านกระบวนการหมักในซอสโชยุสูตรพิเศษจากแบรนด์นิสซุย ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงรสอาหารทะเลญี่ปุ่น ที่ช่วยดึงรสอูมามิออกมาได้อย่างเต็มที่ ทำให้ได้ไข่ปลาที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมมัน และไม่เค็มจนเกินไป
จุดเด่นของไข่ปลาแซลมอนจากแบรนด์นิสซุย
รสชาติแบบต้นตำรับ: ด้วยสูตรการหมักเฉพาะตัว ทำให้ไข่ปลามีรสชาติที่สมดุล และสามารถนำไปรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม
ความสดใหม่คุณภาพสูง: ผลิตจากไข่ปลาแซลมอนที่สดใหม่ ผ่านกรรมวิธีที่ได้มาตรฐานระดับสากล ทำให้ได้เม็ดไข่ปลาที่สวยใส มีผิวสัมผัสแบบ "พุจิ พุจิ" (ปุดๆ) เมื่อกัดจะแตกในปาก มอบความรู้สึกที่น่าประทับใจ
เมนูแนะนำที่ทำได้ง่ายๆ
ด้วยความที่ไข่ปลาของเราปรุงรสมาอย่างพิธีพิถันมาเรียบร้อย จึงสามารถนำไปสร้างสรรค์เมนูญี่ปุ่นยอดนิยมได้อย่างง่ายดาย
ข้าวหน้าไข่ปลา (Ikura Don): ตักไข่ปลาแซลมอนโปะลงบนข้าวสวยญี่ปุ่นร้อน ๆ ก็อร่อยได้ทันที
ซูชิ: ใช้เป็นหน้าซูชิแบบนิกิริ หรือซูชิแบบเรือ (Gunkanmaki)
สลัด: นำไปโรยบนสลัด เพื่อเพิ่มรสชาติและสีสัน
เมนูอื่น ๆ: ใช้เป็นส่วนประกอบในเมนูพาสต้า หรือเป็นกับแกล้มคู่กับเครื่องดื่ม
วิธีใช้เตรียมไข่ปลาเพื่อนำไปประกอบอาหาร
1. นำไข่ปลาแซลมอนออกจากช่องฟรีซ (ช่องแข็ง)
2. นำไปพักไว้ในตู้เย็นช่องปกติประมาณ 30-60 นาที เพื่อให้ไข่ปลาละลายอย่างช้า ๆ เพื่อคงคุณภาพของไข่ปลา
3. เมื่อละลายแล้ว สามารถแกะซองและนำไปรับประทานได้ทันที
ไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่นก็สัมผัสรสชาติอันล้ำค่าจากท้องทะเลได้ ไข่ปลาแซลมอนนิสซุย พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของเมนูพิเศษในทุกโอกาสของคุณ
ซอสปลาไหลญี่ปุ่นแท้แบรนด์ Nihon Shokken จากญี่ปุ่น ซอสสูตรต้นตำรับ รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันจากวัตถุดิบคุณภาพดี ให้รสชาติกลมกล่อม หอมหวาน และมีความเข้มข้นกำลังดี เหมาะสำหรับปรุงอาหารหลากหลายเมนู โดยเฉพาะเมนูปลาไหลย่าง (Unagi Don) ที่จะช่วยยกระดับความอร่อยให้เหมือนกับรับประทานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ
เมนูหลัก:
• ข้าวหน้าปลาไหล: ราดซอสปลาไหลลงบนปลาไหลย่างที่เตรียมไว้ แล้วเสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ และสาหร่าย
• ปลาไหลย่าง: ใช้เป็นซอสสำหรับย่างปลาไหลโดยตรง เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมที่เข้มข้น
เมนูอื่นๆ:
• ข้าวปั้น/ซูชิ: ใช้ราดบนข้าวปั้น หรือซูชิหน้าต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและความเงางาม
• ยากิโทริ: ทาซอสขณะย่าง เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หอมหวาน
• ผัดผัก/เนื้อสัตว์: ใช้เป็นส่วนผสมในการผัดผัก หรือเนื้อสัตว์ เพื่อเพิ่มรสชาติแบบญี่ปุ่น
• บาร์บีคิวญี่ปุ่น: ใช้เป็นซอสหมัก หรือซอสจิ้มสำหรับเมนูบาร์บีคิวสไตล์ญี่ปุ่น
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Yukinkomai จากเมืองนีงาตะ เมืองแห่งข้าว
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Nanatsuboshi ข้าวที่เติบโตท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ของฮอกไกโด
นิยมปลูกมากในฮอกไกโด เมล็ดข้าวอวบ หุงแล้วขึ้นเงา มีความเหนียวปานกลาง และความหวานแบบพอดี ทำให้โดนใจชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก แม้ข้าวจะเย็นแต่ยังคงความนุ่ม หอม อร่อย สามารถทำอาหารได้หลากหลายประเภท แต่จะนิยมนำมาทำเบนโตะและซูชิ
• ลักษณะเมล็ด – เมล็ดข้าวอวบ ขาว หุงขึ้นหม้อ
• รสชาติ – มีรสหวานและยังคงอร่อยแม้จะเย็นแล้ว
• ความเหนียว – ความเหนียวกำลังดี
• เมนูที่เหมาะสม – เบนโตะ และซูชิ
• ความลับของสายพันธุ์ – ถือว่าเป็นข้าวที่มีความสมดุลระหว่างรสชาติกับเนื้อสัมผัสมากที่สุดในสายพันธุ์ข้าวฮอกไกโด เมื่อหุงจนสุกข้าวมีความขาว ความเงา ความหอม ให้รสชาตินุ่มนวล และเคี้ยวอร่อย
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบาๆประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำจนอ่อนนุ่ม
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อย ๆ คนให้น้ำระเหย
ข้าวญี่ปุ่นจากเมืองฮอกไกโด เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์
ชวนคุณมาชิมข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ ปลูกที่เมืองฮอกไกโด เมืองที่ธรรมชาติสวยงาม น้ำใสสะอาด ข้าวที่ได้มีรสชาติหวาน นุ่ม เหนียว เคี้ยวเพลิน เหมาะกับทำอาหารญี่ปุ่นอย่างเมนูข้าวซูชิ ข้าวปั้นโอนิกิริ มาลองชิมความแตกต่างของรสชาติข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ กันค่ะ หากสนใจทำเมนูข้าวซูชิ เรามีน้ำส้มปรุงรสข้าว และสาหร่ายสำหรับห่อข้าว ขายด้วยนะคะ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบา ๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำเวลาหุงข้าวจะนุ่มไม่กระด้าง
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ คนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บในที่แห้งและเย็น
2. ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
3. หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
1. คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
2. ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
3. ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะ หรืออยากลองสัมผัสรสชาติอันลุ่มลึกของวัตถุดิบระดับพรีเมียม “ตับปลาอังกิโมะ” คือหนึ่งในเมนูที่ห้ามพลาด!
อังกิโมะคืออะไร?
อังกิโมะ (Ankimo) คือตับของปลาอังโกะ (Anko Fish) หรือ มังค์ฟิช (Monkfish) ซึ่งเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก ถือเป็นหนึ่งในอาหารชินมิ (Chinmi) หรืออาหารเลิศรสที่หาทานได้ยากของญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล" เพราะมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มคล้ายตับห่าน มีรสชาติเค็มอ่อน ๆ และมีความหอมมันอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทำไมถึงอร่อยและพิเศษ?
ตับปลาอังกิโมะของเรา เป็นสินค้าที่ผ่านกระบวนการปรุงรสและต้มมาอย่างพิถีพิถันจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน จึงมีรสชาติที่กลมกล่อมและพร้อมรับประทานทันที ไม่ต้องนำมาปรุงเพิ่มให้ยุ่งยาก ทำให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติแบบดั้งเดิมของอังกิโมะได้อย่างง่ายดาย นอกจากความอร่อยแล้ว อังกิโมะยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เช่น วิตามิน A, วิตามิน D และไขมันดีในปริมาณที่สูงอีกด้วย
เมนูที่ทำได้ง่ายๆ
เมนูจากตับปลาอังกิโมะสามารถทำได้หลากหลาย และแต่ละเมนูล้วนช่วยดึงรสชาติความอร่อยออกมาได้อย่างเต็มที่
- ทานเป็นกับแกล้ม: เสิร์ฟอังกิโมะแช่เย็นคู่กับต้นหอมซอย, โมมิจิโอโรชิ (หัวไชเท้าขูดผสมพริก) และซอสพอนสึ (Ponzu Sauce) เพื่อเพิ่มความสดชื่นและตัดความมัน
- ทำเป็นนิกิริซูชิ: วางชิ้นอังกิโมะบนข้าวปั้นซูชิ เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในร้านซูชิระดับพรีเมียม
- ทำเป็นสลัด: หั่นอังกิโมะเป็นชิ้นพอดีคำ วางบนสลัดผัก ราดด้วยน้ำสลัดงา หรือซอสพอนสึ
วิธีเตรียมตับปลา
1. นำอังกิโมะออกจากตู้เย็น วางไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30-40 นาที เพื่อทำการละลาย
2. แกะซองและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
3. จัดวางบนจาน และนำไปใช้ประกอบเมนูได้ตามต้องการ
*สินค้าบรรจุมาในซองสุญญากาศแบบพร้อมทาน
เปิดประสบการณ์ความอร่อยสุดพิเศษจากท้องทะเลลึกได้แล้ววันนี้! ตับปลาอังกิโมะ พร้อมให้คุณได้ลิ้มลองความอร่อยแบบต้นตำรับญี่ปุ่นได้ง่าย ๆ ที่บ้านของคุณ
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Yumepirika ถือเป็นพันธุ์ข้าวระดับไฮเอนด์ที่ใช้สุดยอดเทคโนโลยีการเพาะสายพันธุ์ข้าวในฮอกไกโด
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ยูเมะพิริกะ (Yumepirika) จากแบรนด์ โฮคุเรน (Hokuren) เป็นข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์พรีเมียมที่ปลูกในจังหวัดฮอกไกโด ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องอากาศหนาวเย็นและดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ข้าวมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ถือเป็นข้าวเกรดสูงที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น
ลักษณะเด่นของ Yumepirika
• เมล็ดอวบอ้วน และเงางาม - เมล็ดข้าวมีขนาดปานกลางถึงใหญ่ เมื่อหุงแล้วจะเงางามและมีความหนึบที่โดดเด่น
• เนื้อนุ่มแต่ไม่เละ - ข้าวมีความเหนียวและนุ่มในระดับที่พอดี ไม่ร่วนหรือแข็งเกินไป
• รสหวานธรรมชาติ - มีรสชาติอ่อนๆ และหวานธรรมชาติ แม้ทานเปล่าๆ ก็ยังอร่อย
• กลิ่นหอมพิเศษ - มีกลิ่นหอมที่แตกต่างจากข้าวพันธุ์อื่น
• ปลูกในอากาศหนาวเย็น - อุณหภูมิที่เย็นของฮอกไกโดช่วยให้ข้าวมีคุณภาพดีขึ้นและสามารถเก็บรักษาได้นาน
รางวัลและมาตรฐานคุณภาพ
• Yumepirika ได้รับการรับรองมาตรฐาน 特A (Toku A) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของข้าวญี่ปุ่น
• เป็นข้าวที่ได้รับความนิยมในร้านอาหารระดับพรีเมียมทั่วญี่ปุ่น
• ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลฮอกไกโดให้เป็นข้าวเกรดพรีเมียมของภูมิภาค
เมนูที่เหมาะกับ Yumepirika
เนื่องจาก Yumepirika เป็นข้าวที่มีความเหนียวนุ่มและมีรสหวานในตัว จึงเหมาะกับอาหารที่ต้องการข้าวคุณภาพสูง เช่น
• ข้าวสวย (Cooked Rice) - เมล็ดข้าวสวย เมื่อหุงสุกจะมีความเงาสวย เหมาะสำหรับทานแบบข้าวสวย
• ซูชิ (Sushi) - เมล็ดข้าวเหนียวกำลังดี จับตัวได้ง่าย ไม่แฉะเกินไป
• ข้าวปั้น (Onigiri) - รสชาติหวานธรรมชาติทำให้กินเปล่าๆ ก็อร่อย
• ข้าวญี่ปุ่นธรรมดา (Gohan) - เหมาะสำหรับทานคู่กับปลาย่างหรืออาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
• ข้าวหน้าอาหารทะเล (Kaisendon/Donburi) - ความหนึบของข้าวช่วยเสริมรสชาติของปลาดิบได้ดี
Yumepirika ถือเป็นข้าวที่ให้รสชาติที่ดีที่สุดของฮอกไกโด ถ้าคุณต้องการข้าวที่นุ่ม หอม และมีคุณภาพสูง Yumepirika คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
• ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
• ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบาๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
• กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
• ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำเวลาหุงข้าวจะนุ่มไม่กระด้าง
• หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ คนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
• เก็บในที่แห้งและเย็น
• ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
• หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
• คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
• ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
• ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
เปิดประสบการณ์รสชาติของข้าวญี่ปุ่นแท้ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งข้าว" ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยคุณภาพที่โดดเด่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ค่ะ
ข้าวชิ้นนี้คือ ข้าวโคชิฮิคาริ (Koshihikari) ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์ยอดนิยมและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวที่มาจากจังหวัด นีงาตะ (Niigata) ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงด้านคุณภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น จังหวัดนีงาตะได้รับพรจากสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปลูกข้าวชั้นดี เช่น ดินที่อุดมสมบูรณ์จากตะกอนแม่น้ำสำคัญอย่างแม่น้ำชินาโนะ (Shinano River) และแม่น้ำอะงาโนะ (Agano River) รวมถึงมีน้ำบริสุทธิ์จากหิมะที่ละลาย (Snowmelt Water) และที่สำคัญคือ ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน ที่สูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาความหวานและรสชาติของข้าว
ข้าวโคชิฮิคาริสายพันธุ์นีงาตะมีจุดเด่นหลัก ๆ ที่ทำให้เป็นที่รักของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน
ความเหนียวและหนึบ (Stickiness): มีสัมผัสที่ เหนียวหนึบ (Mochimochi) และยืดหยุ่นกำลังดี ไม่แข็งกระด้าง
ความหวานและอูมามิ (Sweetness & Umami): มีรสหวานตามธรรมชาติที่ชัดเจน และมีรส อูมามิ (Umami) ที่เข้มข้นในทุกเม็ด
กลิ่นหอมและเงางาม: เมื่อหุงสุกแล้วจะมี กลิ่นหอมที่ละมุน และเมล็ดข้าวจะมีความ เงางามเป็นประกาย น่ารับประทาน
ด้วยรสชาติที่โดดเด่นและสมดุล ทำให้ข้าวโคชิฮิคาริจากนีงาตะอร่อยมากแม้ว่าจะทานเปล่า ๆ โดยไม่ต้องมีกับข้าวค่ะ นอกจากนี้ยังรักษาความอร่อยไว้ได้ดีแม้จะเย็นลง จึงเหมาะมากสำหรับทำข้าวปั้น โอนิกิริ (Onigiri) หรือใส่ในกล่องข้าวเบนโตะ (Bento)
เมนูแนะนำ (Recipe Suggestion)
ข้าวโคชิฮิคาริมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่สมดุล ทำให้เข้ากันได้ดีกับอาหารหลากหลายประเภทค่ะ:
ข้าวสวย (Plain White Rice): ทานเปล่า ๆ คู่กับเครื่องเคียงง่าย ๆ อย่างซุปมิโสะ (Miso Soup) และผักดอง (Tsukemono) เพื่อสัมผัสรสชาติแท้ ๆ ของข้าว
ซูชิ (Sushi) และโอนิกิริ (Onigiri): ด้วยความเหนียวหนึบ ทำให้ปั้นได้ง่ายและคงรูปได้ดีเมื่อเย็นลง
เมนูอาหารญี่ปุ่นทั่วไป: เหมาะสำหรับทานคู่กับอาหารญี่ปุ่นแทบทุกชนิด เช่น ปลาย่าง, เทมปุระ (Tempura) หรือข้าวหน้าต่าง ๆ (Donburi)
วิธีใช้หรือวิธีเตรียม (Usage Instruction)
เพื่อให้ได้ข้าวที่อร่อยที่สุด ควรทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
1. ซาวข้าว (Rinsing): ซาวข้าวอย่างเบามือเพื่อล้างฝุ่นออก เปลี่ยนน้ำประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำเริ่มใส
2. แช่น้ำ (Soaking): แช่ข้าวในน้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ในฤดูร้อน หรือ 60 นาที ในฤดูหนาว เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำอย่างเต็มที่
3. หุง (Cooking): หุงตามอัตราส่วนน้ำที่ระบุบนเครื่องหุงข้าว หรือใช้อัตราส่วนข้าว 1 ส่วนต่อน้ำประมาณ 1.1 - 1.2 ส่วน
4. พักข้าว (Steaming): เมื่อหุงเสร็จแล้ว ห้ามเปิดฝา ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้ไอน้ำระอุและข้าวสุกทั่วถึง ก่อนจะใช้ไม้พายคลุกเบา ๆ ก่อนตักเสิร์ฟค่ะ
ลองนำข้าวโคชิฮิคาริจากนีงาตะไปหุงดูสิคะ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมข้าวญี่ปุ่นแท้ ๆ ถึงมีเสน่ห์และเป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ที่คุณก็สามารถสร้างสรรค์ความอร่อยนี้ได้ที่บ้านค่ะ
เพิ่มความอร่อยของทุกเมนูผัดแบบง่ายๆ แค่มีขวดนี้!
ซอสพิซซ่าญี่ปุ่นที่พัฒนาสูตรร่วมกับลูกค้ากว่า 1,000 ราย
มาทำพิซซ่าญี่ปุ่น (Okonomiyaki) กันเถอะ!
อร่อยกลมกล่อมกับทาโกะยากิจานโปรดของคุณ
เวทมนตร์ความอร่อย จากซอสเทริยากิ
เพิ่มความกรุบกรอบให้อาหารจานโปรดของคุณอร่อยขึ้นกว่าเดิม
ชวนชิมซอสทงคัตสึในตำนานที่ผลิตมากว่า 100 ปี!!!
เคล็ดลับความอร่อยกับซอสที่มียอดขายอันดับ 1 ของญี่ปุ่น
มาทำข้าวปั้นซูชิกันค่ะ