เส้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคนญี่ปุ่น
อุด้ง ถือเป็นเมนูเส้นยอดนิยมชนิดหนึ่งของชาวญี่ปุ่น ทำมาจากแป้งสาลี มีลักษณะเป็นเส้นหนา ยาว มีสีขาว สามารถทานได้ทั้งร้อนและเย็น มีรสชาติเหนียว นุ่ม เวลาเคี้ยวเส้นจะเด้ง ทำให้เป็นที่นิยมทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
ลูกอมรสหวานอมเปรี้ยว สดชื่น! กับรสหวานจากทับทิม และรู้สึกเฟรชจากรสเปรี้ยวของวิเนการ์
ลูกอมรสทับทิม จากแบรนด์ Eitaro กับเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ กับการดื่มน้ำผลไม้ผสมกับวิเนการ์ วันนี้ทาง Eitaro บริษัทผู้ผลิตลูกอมที่ทำมานานกว่า 200 ปี ได้นำหนึ่งในรสขึ้นชื่อมาทำเป็นลูกอม นั่นคือทับทิมวิเนการ์นั่นเอง ออกมาเป็นลูกอมที่เมื่ออมแล้วจะรู้สึกสดชื่นรีเฟรช จากรสหวานธรรมชาติของทับทิม และวิเนการ์รสหวานอมเปรี้ยว อร่อยเข้ากันอย่างลงตัว
อร่อยง่ายๆ กับเครื่องเคียงสไตล์ญี่ปุ่น
ซอสถั่วเหลืองในตำนานที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 1688!!
โซบะชาเขียว 1 ใน เมนูขึ้นชื่อของญี่ปุ่น
น้ำซุปดาชิถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำอาหารญี่ปุ่น
มิโซะรสชาติกลมกล่อม ทำเมนูไหนก็ง่าย
HonmonoNippon ได้นำเข้ามิโซะจากแบรนด์ Hikari แบรนด์ผลิตมิโซะอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น! โดยมิโซะตัวนี้ได้ผ่านการรับรองว่าเป็นสินค้าออร์แกนิค เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ถั่วเหลืองออร์แกนิค และข้าวที่ปลูกแบบออร์แกนิค นำมาหมักโดยใช้สัดส่วนถั่วเหลืองปริมาณมาก และใช้ระยะเวลาในการหมักที่นาน จนเกิดรสชาติอูมามิจากธรรมชาติ มีรสที่สมดุล มีกลิ่นหอมมาก และที่สำคัญมิโซะตัวนี้ยังไม่ผสมดาชิ เพื่อให้คุณได้นำไปใช้งานได้ทันที แบบไม่ต้องผสมน้ำซุปดาชิเพิ่ม ลดขั้นตอนการทำอาหารให้สั้นลง หากอยากได้มิโซะคุณภาพดีๆ ที่สำคัญยังเป็นออร์แกนิค 100% เลือกใช้ตัวนี้เลยค่ะ
มิโซะออร์แกนิค รสกลมกล่อม เข้มข้น
Maru-Yu Mutenka Miso จากแบรนด์ฮิคาริ-มิโซะ เป็นมิโซะที่ผลิตโดยใช้ถั่วเหลืองและข้าวออร์แกนิค 100% และเนื่องจากมีการใช้เมล็ดถั่วเหลืองปริมาณมากร่วมกับระยะเวลาการหมักอันยาวนาน จึงทำให้ได้รสเค็มและอูมามิที่สมดุล ผสานความเผ็ดร้อนฝาดลิ้นเล็กน้อยพร้อมกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังเป็นสูตรวีแกนและปราศจากกลูเตน ผู้ที่ทานมังสวิรัติจึงสามารถรับประทานได้อย่างสบายใจ สามารถนำไปประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซุปมิโซะ แกงกะหรี่ญี่ปุ่น หมักเนื้อสเต๊ก หรือมิโซะราเมนก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ
ดองผักให้อร่อยในพริบตา! ด้วย Asazuke no Moto จาก Ebara
Asazuke no Moto จากแบรนด์ เอบาระ (Ebara) เป็นน้ำปรุงรสสำเร็จรูปสำหรับการทำผักดองสไตล์ญี่ปุ่นแบบง่ายๆ และรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า “อาซาซึเกะ” (Asazuke) ด้วยรสชาติที่เค็มเล็กน้อย หวานนิดๆ และกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ น้ำปรุงนี้ช่วยเสริมรสชาติให้ผักดองอร่อยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้เวลานานหรือขั้นตอนยุ่งยาก ผักดองที่ได้จะมีความกรอบ สดชื่น และยังคงรสชาติของผักไว้ได้อย่างดี
Asazuke no Moto จึงกลายเป็นตัวช่วยคู่ครัวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น เพราะสามารถใช้ดองผักได้หลากหลายชนิดตามใจชอบ แค่มีผักกับน้ำปรุง ก็ได้เมนูเครื่องเคียงแบบญี่ปุ่นที่ทั้งอร่อยและสดใหม่ในไม่กี่นาที!
วิธีใช้
• หั่นผักที่ต้องการหมักเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วใส่ลงในถุงซิปล็อก
• เทน้ำปรุงรส "Asazuke no Moto" ลงไปให้ทั่วผัก (ปริมาณการใช้ 100 มล. ต่อผัก 200 กรัม)
• ไล่อากาศออกจากถุงให้มากที่สุด ปิดปากถุงให้แน่น แล้วขยำเบาๆให้ส่วนผสมเข้ากัน
• นำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 30 หรือนานกว่านั้นตามความชอบ
• จากนั้นนำผักออกมา บีบน้ำส่วนเกินออก (โดยไม่ต้องล้างน้ำเปล่า)เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟทันที
“เมกมิลค์ สโนว์” นมโคแท้จากฮอกไกโด หอม อร่อย เข้มข้น ต้องลอง!!
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Yumepirika ถือเป็นพันธุ์ข้าวระดับไฮเอนด์ที่ใช้สุดยอดเทคโนโลยีการเพาะสายพันธุ์ข้าวในฮอกไกโด
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ยูเมะพิริกะ (Yumepirika) จากแบรนด์ โฮคุเรน (Hokuren) เป็นข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์พรีเมียมที่ปลูกในจังหวัดฮอกไกโด ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องอากาศหนาวเย็นและดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ข้าวมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ถือเป็นข้าวเกรดสูงที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น
ลักษณะเด่นของ Yumepirika
• เมล็ดอวบอ้วน และเงางาม - เมล็ดข้าวมีขนาดปานกลางถึงใหญ่ เมื่อหุงแล้วจะเงางามและมีความหนึบที่โดดเด่น
• เนื้อนุ่มแต่ไม่เละ - ข้าวมีความเหนียวและนุ่มในระดับที่พอดี ไม่ร่วนหรือแข็งเกินไป
• รสหวานธรรมชาติ - มีรสชาติอ่อนๆ และหวานธรรมชาติ แม้ทานเปล่าๆ ก็ยังอร่อย
• กลิ่นหอมพิเศษ - มีกลิ่นหอมที่แตกต่างจากข้าวพันธุ์อื่น
• ปลูกในอากาศหนาวเย็น - อุณหภูมิที่เย็นของฮอกไกโดช่วยให้ข้าวมีคุณภาพดีขึ้นและสามารถเก็บรักษาได้นาน
รางวัลและมาตรฐานคุณภาพ
• Yumepirika ได้รับการรับรองมาตรฐาน 特A (Toku A) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของข้าวญี่ปุ่น
• เป็นข้าวที่ได้รับความนิยมในร้านอาหารระดับพรีเมียมทั่วญี่ปุ่น
• ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลฮอกไกโดให้เป็นข้าวเกรดพรีเมียมของภูมิภาค
เมนูที่เหมาะกับ Yumepirika
เนื่องจาก Yumepirika เป็นข้าวที่มีความเหนียวนุ่มและมีรสหวานในตัว จึงเหมาะกับอาหารที่ต้องการข้าวคุณภาพสูง เช่น
• ข้าวสวย (Cooked Rice) - เมล็ดข้าวสวย เมื่อหุงสุกจะมีความเงาสวย เหมาะสำหรับทานแบบข้าวสวย
• ซูชิ (Sushi) - เมล็ดข้าวเหนียวกำลังดี จับตัวได้ง่าย ไม่แฉะเกินไป
• ข้าวปั้น (Onigiri) - รสชาติหวานธรรมชาติทำให้กินเปล่าๆ ก็อร่อย
• ข้าวญี่ปุ่นธรรมดา (Gohan) - เหมาะสำหรับทานคู่กับปลาย่างหรืออาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
• ข้าวหน้าอาหารทะเล (Kaisendon/Donburi) - ความหนึบของข้าวช่วยเสริมรสชาติของปลาดิบได้ดี
Yumepirika ถือเป็นข้าวที่ให้รสชาติที่ดีที่สุดของฮอกไกโด ถ้าคุณต้องการข้าวที่นุ่ม หอม และมีคุณภาพสูง Yumepirika คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
• ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
• ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบาๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
• กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
• ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำเวลาหุงข้าวจะนุ่มไม่กระด้าง
• หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ คนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
• เก็บในที่แห้งและเย็น
• ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
• หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
• คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
• ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
• ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
คุกกี้ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวโยโกฮามะ
อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช เคล็ดลับความอร่อยจากครัวญี่ปุ่น
"ชิโอะโคโช" (塩こしょう) หรือ เกลือและพริกไทยดำ เป็นเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในครัวเรือน เพราะช่วยดึงรสชาติของวัตถุดิบให้อร่อยขึ้นแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้เครื่องปรุงหลายชนิด อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช ไม่ได้เป็นแค่เครื่องปรุงทั่วไป แต่เป็น "ผู้ช่วยเชฟ" ที่ช่วยให้การทำอาหารง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะทำเมนู เนื้อย่าง หมูทอด ไก่ย่าง บาร์บีคิว ซุป หรือแม้แต่อาหารตะวันตก ก็สามารถใช้ได้อย่างลงตัว แค่โรยเบาๆ ก็ได้รสชาติอร่อยแบบมืออาชีพ!
เมนูแนะนำ
♥ สเต๊กเนื้อพริกไทยเกลือ
วัตถุดิบ
- เนื้อสเต๊ก (ริบอาย, สันนอก หรือเนื้อที่ชอบ) 200 กรัม
- เฮ้าส์ อาจิซุเกะ ชิโอะโคโช 1 ช้อนชา
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
- เนย 10 กรัม
- กระเทียมฝานบาง 2-3 กลีบ
วิธีทำ:
1. โรย เฮ้าส์ อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช ให้ทั่วเนื้อทั้งสองด้าน
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก พอร้อน ใส่เนื้อลงไปย่างให้สุกตามต้องการ
3. ใส่เนยและกระเทียมลงไปผัดให้หอม แล้วราดบนเนื้อ
4. เสิร์ฟพร้อมผักย่างหรือมันฝรั่งทอด
♥ ข้าวผัดญี่ปุ่น (ชิโอะยากิเมชิ)
วัตถุดิบ:
- ข้าวสวย 1 ถ้วย
- หมูสับ หรือไก่สับ 50 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- เฮ้าส์ อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช 1 ช้อนชา
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ:
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ผัดหมูสับจนสุก
2. ตอกไข่ลงไป คนให้เข้ากันแล้วใส่ข้าวสวย
3. โรย เฮ้าส์ อาจิทสึเกะ ชิโอะโคโช ผัดให้เข้ากัน
4. โรยต้นหอมซอย แล้วตักเสิร์ฟ
เมนูไหนก็อร่อยขึ้น แค่มีติดครัวไว้! ☺️
เปิดประสบการณ์รสชาติของข้าวญี่ปุ่นแท้ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งข้าว" ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยคุณภาพที่โดดเด่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ค่ะ
ข้าวชิ้นนี้คือ ข้าวโคชิฮิคาริ (Koshihikari) ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์ยอดนิยมและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวที่มาจากจังหวัด นีงาตะ (Niigata) ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงด้านคุณภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น จังหวัดนีงาตะได้รับพรจากสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปลูกข้าวชั้นดี เช่น ดินที่อุดมสมบูรณ์จากตะกอนแม่น้ำสำคัญอย่างแม่น้ำชินาโนะ (Shinano River) และแม่น้ำอะงาโนะ (Agano River) รวมถึงมีน้ำบริสุทธิ์จากหิมะที่ละลาย (Snowmelt Water) และที่สำคัญคือ ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน ที่สูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาความหวานและรสชาติของข้าว
ข้าวโคชิฮิคาริสายพันธุ์นีงาตะมีจุดเด่นหลัก ๆ ที่ทำให้เป็นที่รักของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน
ความเหนียวและหนึบ (Stickiness): มีสัมผัสที่ เหนียวหนึบ (Mochimochi) และยืดหยุ่นกำลังดี ไม่แข็งกระด้าง
ความหวานและอูมามิ (Sweetness & Umami): มีรสหวานตามธรรมชาติที่ชัดเจน และมีรส อูมามิ (Umami) ที่เข้มข้นในทุกเม็ด
กลิ่นหอมและเงางาม: เมื่อหุงสุกแล้วจะมี กลิ่นหอมที่ละมุน และเมล็ดข้าวจะมีความ เงางามเป็นประกาย น่ารับประทาน
ด้วยรสชาติที่โดดเด่นและสมดุล ทำให้ข้าวโคชิฮิคาริจากนีงาตะอร่อยมากแม้ว่าจะทานเปล่า ๆ โดยไม่ต้องมีกับข้าวค่ะ นอกจากนี้ยังรักษาความอร่อยไว้ได้ดีแม้จะเย็นลง จึงเหมาะมากสำหรับทำข้าวปั้น โอนิกิริ (Onigiri) หรือใส่ในกล่องข้าวเบนโตะ (Bento)
เมนูแนะนำ (Recipe Suggestion)
ข้าวโคชิฮิคาริมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่สมดุล ทำให้เข้ากันได้ดีกับอาหารหลากหลายประเภทค่ะ:
ข้าวสวย (Plain White Rice): ทานเปล่า ๆ คู่กับเครื่องเคียงง่าย ๆ อย่างซุปมิโสะ (Miso Soup) และผักดอง (Tsukemono) เพื่อสัมผัสรสชาติแท้ ๆ ของข้าว
ซูชิ (Sushi) และโอนิกิริ (Onigiri): ด้วยความเหนียวหนึบ ทำให้ปั้นได้ง่ายและคงรูปได้ดีเมื่อเย็นลง
เมนูอาหารญี่ปุ่นทั่วไป: เหมาะสำหรับทานคู่กับอาหารญี่ปุ่นแทบทุกชนิด เช่น ปลาย่าง, เทมปุระ (Tempura) หรือข้าวหน้าต่าง ๆ (Donburi)
วิธีใช้หรือวิธีเตรียม (Usage Instruction)
เพื่อให้ได้ข้าวที่อร่อยที่สุด ควรทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
1. ซาวข้าว (Rinsing): ซาวข้าวอย่างเบามือเพื่อล้างฝุ่นออก เปลี่ยนน้ำประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำเริ่มใส
2. แช่น้ำ (Soaking): แช่ข้าวในน้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ในฤดูร้อน หรือ 60 นาที ในฤดูหนาว เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำอย่างเต็มที่
3. หุง (Cooking): หุงตามอัตราส่วนน้ำที่ระบุบนเครื่องหุงข้าว หรือใช้อัตราส่วนข้าว 1 ส่วนต่อน้ำประมาณ 1.1 - 1.2 ส่วน
4. พักข้าว (Steaming): เมื่อหุงเสร็จแล้ว ห้ามเปิดฝา ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้ไอน้ำระอุและข้าวสุกทั่วถึง ก่อนจะใช้ไม้พายคลุกเบา ๆ ก่อนตักเสิร์ฟค่ะ
ลองนำข้าวโคชิฮิคาริจากนีงาตะไปหุงดูสิคะ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมข้าวญี่ปุ่นแท้ ๆ ถึงมีเสน่ห์และเป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ที่คุณก็สามารถสร้างสรรค์ความอร่อยนี้ได้ที่บ้านค่ะ
สัมผัสรสชาติ ชาเขียว มัทฉะ พรีเมี่ยม ที่ให้ความหอมสดชื่นอูมามิแบบต้นตำรับญี่ปุ่น
ชาเขียวมัทฉะ จากเมืองนิชิโอะ ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในชาเขียวคุณภาพสูงของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในรูปแบบชาเขียวมัทฉะ ซึ่งเมืองนี้มีชื่อเสียงด้านการผลิตมัทฉะเกรดพรีเมี่ยม เพราะใช้วิธีการร่มเงาก่อนเก็บเกี่ยว 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มปริมาณคลอโรฟิลล์ ทำให้ได้ใบชาสีเขียวสด และ ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ คาเทชิน และ แอล-ธีอะนีน ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและกระตุ้นสมาธิ และ ยังมีรสชาติหอมละมุน ละลายง่าย ไม่ขมฝาด หวานธรรมชาติ และ อูมามิแบบญี่ปุ่นแท้ๆ คนรักมัทฉะไม่ควนพลาด!!!
เหมาะสำหรับ
• ชงดื่มแบบร้อน-เย็น มัทฉะลาเต้ / โกจิฉะ / ชาเขียวสด
• ใช้ทำขนม เช่น ไดฟุกุ ไอศกรีม ชีสเค้ก มาการอง
• ใช้ในพิธีชงชาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
วิธีชงแบบดั้งเดิม (Usucha – ชาเข้มข้นแบบบาง)
• ตัก มัทฉะ 1-2 กรัม (ประมาณ ½ - 1 ช้อนชา) ลงในถ้วย
• เติม น้ำร้อน 70-80°C ประมาณ 70-100 มล.
• ใช้ แปรงไม้ไผ่ (Chasen) ตีเป็นรูปตัว M หรือ W จนเกิดฟองเนียนนุ่ม
• พร้อมดื่มทันที! ได้รสชาติหอมละมุน อูมามิเต็มคำ
วิธีชงมัทฉะลาเต้ (ร้อน / เย็น)
• ตัก มัทฉะ 2 กรัม (1 ช้อนชา) ลงในแก้ว
• เติม น้ำร้อน 50 มล. คนให้ละลาย
• เติม นมสดหรือนมทางเลือก 150-200 มล. (ร้อนหรือเย็น)
• เติมน้ำแข็ง (ถ้าชงแบบเย็น) และเพิ่มความหวานตามชอบ
✨ เคล็ดลับ: ใช้น้ำร้อน 70-80°C หลีกเลี่ยงน้ำเดือดเกินไปเพื่อคงความหวานและอูมามิของมัทฉะ
ประโยชน์ของมัทฉะ
• ช่วยเพิ่มพลังงาน: มัทฉะมีสาร L-theanine ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายแ ต่ยังคงความกระปรี้กระเปร่า
• ช่วยเผาผลาญไขมัน: มัทฉะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
• บำรุงผิวพรรณ: สารต้านอนุมูลอิสระในมัทฉะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์
• ช่วยลดคอเลสเตอรอล: ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ชาที่ดื่มง่าย อร่อยลงตัว จนคนญี่ปุ่นยกให้เป็นชาชั้นเลิศ
ชาเขียวใบชนิดซอง เกียวคุโระ ของญี่ปุ่นทำไมต้อง "ยาบุกิตะ"
หากคุณเป็นผู้หลงใหลในชาเขียวญี่ปุ่นแท้ๆ "ยาบุกิตะ" คือ ราชินีแห่งชาเขียวของญี่ปุ่น เป็นระดับชาที่ปลูกด้วยเทคนิคการบังแสงแดดก่อนเก็บเกี่ยว ทำให้ใบชามีคลอโรฟิลล์สูง อูมามิที่เข้มข้น และความหวานนุ่มนวลที่โดดเด่น ผสานกับกลิ่นหอมละมุนฟุ้งที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยเทคโนโลยีถุงชาตาข่ายแบบใหม่ ทำให้คุณสามารถชงชาเขียวคุณภาพระดับญี่ปุ่นออกมาได้ง่ายๆในทุกแก้ว ไม่ว่าจะชงร้อนเพื่อความผ่อนคลาย หรือ ชงแบบเย็น (สกัดเย็น) เพื่อความสดชื่น เพียงเติมน้ำ ก็พร้อมเสิร์ฟ สะดวก พกพาง่าย ดื่มได้ทุกที่ ทุกเวลา เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มอื่นๆได้ตามสไตล์คุณ
เคล็ดลับการชงแบบร้อน และ แบบเย็น(สกัดเย็น)
ชาเขียวญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องชงด้วยน้ำร้อนเสมอไป! ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นแนะนำให้ลองชงชาเขียวแบบ "น้ำสกัดเย็น" ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก การชงด้วยน้ำเย็นจะช่วยดึงรสอูมามิ และสารคาเทชิน ที่ให้รสหวานออกมาได้มาก ในขณะที่รสขมและคาเฟอีนจะละลายออกมาน้อยลง ทำให้ได้ชาที่มีรสชาติกลมกล่อม นุ่มนวล และสดชื่นเป็นพิเศษ
วิธีชงแบบร้อน :
1. ต้มน้ำให้เดือด แล้วรอให้น้ำเย็นลงเหลือประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส (หากไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ สามารถต้มน้ำเดือดแล้วทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที)
2. ใส่ถุงชา 1 ซอง ลงในแก้วหรือถ้วยชา
3. ค่อย ๆ รินน้ำร้อน ประมาณ 150-200 มิลลิลิตร ลงไป
4. แช่ถุงชาทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที (ไม่ควรแช่นานเกินไป เพราะจะทำให้ชามีรสขมฝาด)
5. นำถุงชาออก (อาจจะบีบเบา ๆ ก่อนนำออก) และพร้อมดื่ม
วิธีชงแบบน้ำ(สกัดเย็น) :
1. ใส่ถุงชา 1-2 ซอง ลงในขวดหรือภาชนะที่มีฝาปิดสนิท
2. เติมน้ำเย็นอุณหภูมิห้อง หรือ น้ำเย็นจัด ปริมาณประมาณ 300-500 มิลลิลิตร
3. ปิดฝาแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น
4. รอเวลาทิ้งไว้ให้สกัดเย็นเป็นเวลา 3-6 ชั่วโมง หรืออาจจะแช่ข้ามคืน 8-12 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้น
(หากแช่นานเกิน 12 ชั่วโมง อาจเริ่มมีรสฝาดออกมาบ้าง)
5. เมื่อได้ความเข้มข้นที่ต้องการแล้ว ให้นำถุงชาออก พร้อมดื่มได้ทันที
ข้อดีของการสกัดเย็น:
รสชาติ : รสชาตินุ่มนวล หวาน อูมามิเด่นชัด และมีรสขมฝาดน้อยมาก
คาเฟอีน : ระดับคาเฟอีนจะต่ำกว่าการชงแบบร้อน
สนุกกับการทำทาโกะยากิได้ง่ายๆ ที่บ้านคุณ
ชวนคุณมาสนุกและอิ่มอร่อยกับทาโกะยากิแบบง่ายๆ ด้วย Otafuku Takoyaki Kodawari Set ที่มีเคล็ดลับความอร่อยจาก 4 ส่วนผสมพิเศษ ได้แก่
1. แป้งทาโกะยากิสูตรพิเศษของโอตาฟุกุ กรอบนอกนุ่มใน
2. การผสมผสานกันระหว่างผงหมึกซูรุเมะ 100% และแป้งหมึกเทมปุระกรุบกรอบ ให้รสชาติที่เข้มข้นและล้ำลึก
3. สาหร่ายที่ผลิตในญี่ปุ่น 100% มีสีเขียวสดและกลิ่นหอมของทะเล เพิ่มสัมผัสให้ครบเครื่อง
4. เพิ่มสีสันด้วยขิงแดงดองให้สีสันที่น่ารับประทานและรสชาติที่เข้มข้นยิ่งขึ้น
เพียงเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก็มาอร่อยกันได้เลยค่ะ