ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Nanatsuboshi ข้าวที่เติบโตท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ของฮอกไกโด
นิยมปลูกมากในฮอกไกโด เมล็ดข้าวอวบ หุงแล้วขึ้นเงา มีความเหนียวปานกลาง และความหวานแบบพอดี ทำให้โดนใจชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก แม้ข้าวจะเย็นแต่ยังคงความนุ่ม หอม อร่อย สามารถทำอาหารได้หลากหลายประเภท แต่จะนิยมนำมาทำเบนโตะและซูชิ
• ลักษณะเมล็ด – เมล็ดข้าวอวบ ขาว หุงขึ้นหม้อ
• รสชาติ – มีรสหวานและยังคงอร่อยแม้จะเย็นแล้ว
• ความเหนียว – ความเหนียวกำลังดี
• เมนูที่เหมาะสม – เบนโตะ และซูชิ
• ความลับของสายพันธุ์ – ถือว่าเป็นข้าวที่มีความสมดุลระหว่างรสชาติกับเนื้อสัมผัสมากที่สุดในสายพันธุ์ข้าวฮอกไกโด เมื่อหุงจนสุกข้าวมีความขาว ความเงา ความหอม ให้รสชาตินุ่มนวล และเคี้ยวอร่อย
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบาๆประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำจนอ่อนนุ่ม
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อย ๆ คนให้น้ำระเหย
สึยุเข้มข้นสูตรใหม่ อร่อย กลมกล่อมยิ่งขึ้น
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่โปรดปรานอาหารญี่ปุ่นและชอบที่จะได้ลองทำทานเองที่บ้าน สึยุถือเป็นเครื่องปรุงที่จะช่วยให้การทำอาหารญี่ปุ่นของคุณสะดวกและง่ายดายขึ้นมากเลยทีเดียวค่ะ ในสึยุจะประกอบไปด้วยโชยุ มิริน และดาชิ มักจะใช้เป็นซอสเพื่อรับประทานกับอาหารประเภทเส้นของญี่ปุ่นอย่าง โซบะ โซเมน หรืออุด้ง นอกจากนี้ยังนำไปประกอบเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผัดกับผักหรือเนื้อสัตว์เพื่อทำดงบุริ ทำน้ำซุปหม้อไฟ ต้มหัวปลาแบบญี่ปุ่น ทำเป็นซอสเทมปุระก็ได้เช่นกัน
โดย Sanbishi Awase Dashi Tsuyu สูตรใหม่นี้ เป็นดาชิสึยุเข้มข้นถึง 3 เท่า ที่เต็มไปด้วยรสอูมามิจากปลาแห้ง 3 ชนิด ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล และปลาโบนิโต้ รวมถึงหอยเชลล์และสาหร่าย จนได้รสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่นำไปผสมน้ำตามอัตราส่วนที่เหมาะสมก็เตรียมรับความอร่อยได้เลยค่ะ
ตัวอย่างอัตราส่วนในการทำเมนูต่างๆ
• ซอส 1: น้ำ 2 สำหรับเมนูบะหมี่เย็น น้ำจิ้มเทมปุระ หรือซอสราดหน้าข้าว (ดงบุริ)
• ซอส 1: น้ำ 4-5 สำหรับเมนูประเภทต้ม เช่น หัวปลาต้มซีอิ๊วแบบญี่ปุ่น
• ซอส 1: น้ำ 5-6 สำหรับเมนูบะหมี่ร้อน
• ซอส 1: น้ำ 7-9 สำหรับเมนูหม้อไฟหรือโอเด้ง
*หมายเหตุ: เพื่อให้ได้รสชาติในแบบที่ชอบ สามารถปรับเปลี่ยนอัตราส่วนได้ตามต้องการค่ะ
คำเดียวไม่พอ ต้องขอต่ออีกลูก
อยากกินอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ แต่ไม่มีเวลา ลูกชิ้นสอดไส้กุ้ง เนื้อปลา ผักรวม และสาหร่ายฮิจิกิ คือคำตอบ! ทำจากวัตถุดิบคุณภาพ เนื้อปลาบด กุ้งสด ผักรวม และเพิ่มรสชาติพิเศษด้วยสาหร่ายฮิจิกิ ที่อุดมไปด้วยใยอาหารและแร่ธาตุ ทานง่าย รสกลมกล่อม ได้ทั้งความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการในหนึ่งคำทุกคำ เหมาะเป็นของทานเล่น ข้าวกล่อง เบนโตะ หรือเสิร์ฟกับมื้ออาหารหลัก
วิธีการปรุงอาหาร
• นำสินค้าที่แช่แข็งออกมา ตัดถาดออก และวางไว้ที่ขอบจานหมุน (turntable) โดยไม่ต้องห่อพลาสติก และอุ่นให้ร้อน
• หากไม่มีจานหมุน (turntable) ให้วางไว้ตรงกลางของเตาไมโครเวฟ
• หลังจากการปรุงอาหาร หากยังเย็นอยู่ ให้อุ่นเพิ่มทีละ 10 วินาทีจนกว่าจะอุ่นได้ที่
คำแนะนำสำหรับเตาไมโครเวฟ:
กำลังไฟ 500 วัตต์ 600 วัตต์
1 ชิ้น ประมาณ 40 วินาที ประมาณ 40 วินาที
2 ชิ้น ประมาณ 1 นาที ประมาณ 50 วินาที
4 ชิ้น ประมาณ 1.20 นาที ประมาณ 1.10 นาที
5 ชิ้น ประมาณ 1.50 นาที ประมาณ 1.40 นาที
เพลิดเพลินกับแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแท้ๆ แบบเต็มรสชาติได้ง่ายๆ แค่อุ่น
กรอบนอก นุ่มใน กัดแล้วหยุดไม่ได้
อาหารทานเล่นยอดนิยมจากญี่ปุ่น ที่ผสมผสานรสชาติของเนื้อปลา ปลาหมึก และเผือกได้อย่างลงตัว กัดคำแรกสัมผัสได้ถึงความกรอบนอกนุ่มใน พร้อมรสชาติกลมกล่อม หอมขิงและซอสญี่ปุ่น สูตรเฉพาะของอาจิโนะโมะโต๊ะ เหมาะสำหรับทุกมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นกับข้าว อาหารทานเล่น ใส่ในกล่องเบนโตะเพิ่มสีสันให้อาหารกลางวัน หรือทานคู่ข้าวสวยร้อน ๆ ก็อร่อยกลมกล่อม เสิร์ฟคู่กับซอสโชยุ มายองเนสญี่ปุ่น หรือซอสพริกก็เข้ากันสุด ๆ ถูกใจทุกคนในครอบครัวแน่นอน
วิธีการปรุงอาหาร
• นำสินค้าที่แช่แข็งออกมาตัดถาดออกและวางไว้ที่ขอบจานหมุน โดยไม่ต้องห่อพลาสติก และอุ่นให้ร้อน
• หากไม่มีจานหมุน (turntable) ให้วางไว้ตรงกลางของเตาไมโครเวฟ
• หลังจากการปรุงอาหาร หากยังเย็นอยู่ ให้อุ่นเพิ่มทีละ 10 วินาทีจนกว่าจะอุ่นได้ที่
คำแนะนำสำหรับเตาไมโครเวฟ:
กำลังไฟ 500 วัตต์ 600 วัตต์
1 ชิ้น ประมาณ 40 วินาที ประมาณ 40 วินาที
2 ชิ้น ประมาณ 1 นาที ประมาณ 50 วินาที
4 ชิ้น ประมาณ 1.20 นาที ประมาณ 1.10 นาที
5 ชิ้น ประมาณ 1.50 นาที ประมาณ 1.40 นาที
ข้าวญี่ปุ่นจากเมืองฮอกไกโด เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์
ชวนคุณมาชิมข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ ปลูกที่เมืองฮอกไกโด เมืองที่ธรรมชาติสวยงาม น้ำใสสะอาด ข้าวที่ได้มีรสชาติหวาน นุ่ม เหนียว เคี้ยวเพลิน เหมาะกับทำอาหารญี่ปุ่นอย่างเมนูข้าวซูชิ ข้าวปั้นโอนิกิริ มาลองชิมความแตกต่างของรสชาติข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ กันค่ะ หากสนใจทำเมนูข้าวซูชิ เรามีน้ำส้มปรุงรสข้าว และสาหร่ายสำหรับห่อข้าว ขายด้วยนะคะ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อย
1. ตวงข้าวให้พอเหมาะสำหรับรับประทาน
2. ซาวข้าวด้วยการให้น้ำไหลผ่าน คนเบา ๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก ทำตามขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำใส
3. กุญแจสำคัญในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือน้ำ กะปริมาณน้ำให้เหมาะสม อัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วน (สามารถปรับระดับน้ำได้หากชอบทานข้าวแข็งหรือข้าวนิ่ม)
4. ควรแช่ข้าวทิ้งไว้ก่อนหุงประมาณ 30 นาที เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำเวลาหุงข้าวจะนุ่มไม่กระด้าง
5. หลังจากข้าวสุก อย่าเพิ่งเปิดฝา ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุในหม้อประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ คนให้น้ำระเหย
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บในที่แห้งและเย็น
2. ระวังการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะข้าวจะแห้งแตกเนื่องจากการระเหยของน้ำในข้าว
3. หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาใกล้ ผงซักฟอก สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องสำอาง และอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะข้าวจะดูดซับกลิ่น
ข้อควรระวัง
1. คุณภาพของข้าวจะเปลี่ยนหากโดนความชื้น
2. ห้ามวางไว้ใกล้เปลวไฟ เนื่องจากติดไฟง่าย
3. ห้ามวางสินค้าอื่นซ้อนทับผลิตภัณฑ์
สัมผัสความอร่อยต้นตำรับจากญี่ปุ่น ด้วยดังโงะไส้งาดำคั่ว หอม มัน ลงตัว
หากคุณกำลังมองหาขนมญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์จากประเทศญี่ปุ่นแท้ๆ "ขนมดังโงะไส้งาดำคั่วบด" ขนมชื่อดังจากจังหวัดอิวาเตะ ที่มีขนาดพอดีคำที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านโชเอโดะ ร้านเก่าแก่ที่สืบทอดสูตรขนมพื้นบ้านมานานหลายชั่วอายุคน คือจุดเริ่มต้นของขนมดังโงะ ที่จะพาคุณย้อนเวลากลับไปสัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นในอดีต ขนมดังโงะแต่ละลูกถูกปั้นอย่างประณีตจากแป้งที่ผสมข้าวเหนียวกับข้าวเจ้าตามสูตรลับ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่ม หนึบหนับ และเคี้ยวง่าย สอดไส้ด้านในด้วยงาดำที่ผ่านการคั่วและบดละเอียดจนหอมกรุ่น ผสมคลุกเคล้ากับโชยุ(ซอสถั่วเหลือง)อย่างพอดีจนได้รสกลมกล่อม หอมหวานกำลังดี ทำให้เมื่อกัดเข้าไปไส้จะทะลักออกมา สร้างความสนุกและความอร่อยในคำเดียว
วิธีการรับประทาน
เนื่องจากขนมดังโงะ ส่วนใหญ่มักจะถูกจำหน่ายในรูปแบบแช่แข็ง เพื่อคงความสดใหม่ของไส้ทะลักและเนื้อสัมผัสที่หนึบหนับ วิธีรับประทานที่ดีที่สุดคือ :
• ทานทั้งคำ : ควรทานทั้งลูกในคำเดียว ป้องกันไม่ให้ไส้งาดำที่หอมหวานและเนื้อละมุนไหลออกมา
• ละลายน้ำแข็ง : นำออกจากช่องแช่แข็งและวางไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 1-2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)
• อุ่นไมโครเวฟ : ควรใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง (ประมาณ 500-600 วัตต์) ระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 30 วินาที - 1 นาที
คำแนะนำ : เมื่อละลายน้ำแข็งแล้ว ควรเก็บในตู้เย็นและรับประทานให้หมดภายใน 4 วัน(นับรวมวันที่ละลาย) การนำกลับไปแช่แข็งซ้ำ จะทำให้รสชาติและเนื้อสัมผัสแย่ลงอย่างมาก ห้ามทำซ้ำโดยเด็ดขาด!
แนะนำอาหาร
• ทานคู่กับชาเขียวร้อน (มัทฉะ หรือเซ็นฉะ) จะช่วยเสริมความหวานของไส้งาดำและสร้างสมดุลรสชาติ
• ทานคู่กับนมสดอุ่นๆ หรือกาแฟดำสำหรับมื้อของว่างยามบ่าย
• เสิร์ฟพร้อมกับผลไม้สดตามฤดูกาล เช่น สตรอว์เบอร์รี่ หรือองุ่น เพื่อเพิ่มความสดชื่น
นี่คือของฝากที่คุณไม่ควรพลาด เพราะเป็นมากกว่าแค่ขนม แต่คือเรื่องราวของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมการกินจากเมืองแห่งโมจิอย่าง อิชิโนเซกิ จังหวัดอิวาเตะ ของญี่ปุ่นแท้ๆ ค่ะ!
เส้นเหนียวนุ่ม ซุปเข้มข้น อร่อยเหมือนทานที่ร้าน
ชาเขียวเซนฉะชนิดชงได้ทั้งร้อนและเย็น ถูกใจสำหรับคนรักชา
เส้นเหนียวนุ่ม ซุปเข้มข้น อร่อยเหมือนทานที่ร้าน
สัมผัสประสบการณ์ชาเขียวคุณภาพพรีเมียมจากแบรนด์ ฮาราดะ (Harada) ที่คัดสรรผงมัทฉะบริสุทธิ์ 100% มาจากแหล่งปลูกชาชั้นเลิศในจังหวัด ชิซูโอกะ (Shizuoka) ประเทศญี่ปุ่น ผงมัทฉะ นี้จะมอบรสชาติที่เข้มข้น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และสามารถใช้งานได้หลากหลายในทุกเมนู
ความโดดเด่นของมัทฉะจากชิซูโอกะ
แหล่งกำเนิดคุณภาพสูง: จังหวัดชิซูโอกะตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ มีสภาพอากาศที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปลูกชาเขียว จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น "สวรรค์แห่งชา"
ผงชาเขียวแท้ 100%: ผลิตจากใบชาเขียวคุณภาพดี โดยไม่มีการผสมสารแต่งกลิ่น สี หรือน้ำตาลใดๆ ทำให้คุณได้รับรสชาติและกลิ่นหอมของชาเขียวแท้แบบเต็มที่
รสชาติเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์: ด้วยคุณภาพของใบชาที่คัดเลือกมาอย่างดี มัทฉะนี้จึงมีรสชาติ อูมามิ (Umami) ที่เข้มข้นอย่างสมดุล ไม่ขมจนเกินไป และมีกลิ่นหอมสดชื่น
มัทฉะเพื่อไลฟ์สไตล์ที่ดี
มัทฉะ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะนอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
สารต้านอนุมูลอิสระสูง: มัทฉะเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย
ช่วยเพิ่มความสดชื่นและมีสมาธิ: มีสารคาเฟอีนและ L-Theanine ทำงานร่วมกัน ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีสมาธิ แต่ให้ความรู้สึกสงบ
ใช้งานได้หลากหลาย: สามารถนำไปทำเครื่องดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น เช่น มัทฉะลาเต้, สมูทตี้ รวมถึงใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในการทำเบเกอรี่ ขนมหวาน และไอศกรีม
วิธีการเตรียมมัทฉะเบื้องต้น
1. ใช้ผงมัทฉะประมาณ 1-2 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา) ลงในถ้วย
2. เติมน้ำร้อน (อุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียส) 60-70 มล.
3. ใช้ไม้ตีชา (Chasen) หรืออุปกรณ์สำหรับตีชา คนหรือตีให้เกิดฟองละเอียดจนผงมัทฉะละลายเข้ากันดี
4. สามารถเติมน้ำร้อนเพิ่ม หรือผสมนมเพื่อทำมัทฉะลาเต้ได้ตามความชอบ
ผงมัทฉะ จากแบรนด์ ฮาราดะ (Harada) จึงเป็นตัวเลือกที่มั่นใจได้ มอบ มัทฉะแท้ ที่มีคุณภาพและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
อาหารเพื่อสุขภาพจากญี่ปุ่น ที่กินง่ายและอร่อยลงตัว
สำหรับใครที่อยากลองทาน นัตโตะ (Natto) แต่ยังกังวลเรื่องกลิ่นหรือเนื้อสัมผัส เราขอแนะนำ นัตโตะ ฮามานะสึ (Hamanasu) สูตรเม็ดเล็กพิเศษ เพราะนี่คือตัวเลือกที่ถูกใจคนญี่ปุ่นและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมือใหม่ ที่สำคัญคือมาพร้อมกับคุณประโยชน์ด้านสุขภาพแบบเต็มๆ
นัตโตะคือเคล็ดลับสุขภาพดีของคนญี่ปุ่น เป็นถั่วเหลืองหมักที่อัดแน่นไปด้วยโปรไบโอติกและเอนไซม์ นัตโตะไคเนส ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น และยังดีต่อสุขภาพหัวใจ รวมถึงเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงกระดูกให้แข็งแรงอีกด้วย
จุดเด่น
• เม็ดเล็ก เคี้ยวง่าย: นัตโตะของฮามานะสึเป็นแบบเม็ดเล็กพิเศษ (Gokukotsubu) ทำให้เนื้อสัมผัสมีความละเอียดกว่าแบบเม็ดใหญ่ และผสมเข้ากับซอสได้ง่ายกว่า ถูกปากคนที่ไม่คุ้นเคยกับความเหนียวของนัตโตะ
• รสชาติกลมกล่อมลงตัว: นัตโตะถ้วยนี้มาพร้อมกับซอสสูตรพิเศษที่ให้รสอูมามิ ทำให้รสชาติของถั่วเหลืองหมักมีความกลมกล่อมและอร่อยยิ่งขึ้น เพียงแค่เติมซอสและมัสตาร์ดที่มาในแพ็กเกจ ก็พร้อมทานได้ทันที
• คุณภาพญี่ปุ่นแท้ๆ: สินค้านี้ถูกนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าให้ความสำคัญกับคุณภาพและความสะอาดในกระบวนการผลิต ทำให้คุณมั่นใจได้ว่านัตโตะที่คุณทานนั้น สดใหม่และได้มาตรฐาน
วิธีทำความอร่อยง่ายๆ สไตล์ญี่ปุ่น
ชาวญี่ปุ่นนิยมทาน นัตโตะ ในมื้อเช้า เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์ไปตลอดวัน วิธีทานก็ง่ายมากๆ
1. นำนัตโตะมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30-60 นาที เพื่อให้นัตโตะที่แช่แข็งไว้ละลาย
2. เปิดฝาและเทซอสกับมัสตาร์ดที่แถมมาลงไป
3. ใช้ตะเกียบคน นัตโตะ อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจนเกิดฟองและความเหนียวเป็นเส้นใย
4. ตักวางบนข้าวสวยญี่ปุ่นร้อน ๆ หรือจะทานคู่กับไข่แดงและต้นหอมซอยก็อร่อยลงตัว
คล็ดลับการคนนัตโตะให้ฟู
หัวใจสำคัญของการทาน นัตโตะ คือการคนค่ะ การคนนัตโตะไม่ได้มีแค่เรื่องความเหนียว แต่เป็นการดึงเอาสารอาหารสำคัญอย่าง เอนไซม์นัตโตะไคเนสออกมาทำงาน และยังช่วยให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ขั้นตอนที่ 1: คนก่อนปรุงรส
• ตักซอสออกก่อน: นำซอง ซอสรสบ๊วยและมัสตาร์ด (ถ้ามี) ออกจากถ้วยก่อนค่ะ
• เริ่มคนเปล่า ๆ: ใช้ตะเกียบหรือส้อม คนนัตโตะในถ้วยอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
- เน้นความเร็ว: ไม่จำเป็นต้องคนวนเป็นวงกลมแบบเป๊ะ ๆ แต่เน้นการคนแบบซิกแซ็กสลับไปมาด้วยความเร็วค่ะ
- จำนวนครั้ง: ให้คนอย่างน้อย 50 ครั้ง ค่ะ พอคนไปเรื่อย ๆ คุณจะสังเกตเห็นว่านัตโตะเริ่มมี ฟองสีขาวขุ่น และ ใยเหนียว ๆ เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก
ขั้นตอนที่ 2: คนพร้อมปรุงรส
• เติมซอสบ๊วย: เมื่อนัตโตะเริ่มเป็นฟองได้ที่แล้ว ให้ใส่ ซอสรสบ๊วย (หรือเครื่องปรุงอื่น ๆ ตามชอบ) ลงไป
• คนต่ออีก 10-20 ครั้ง: คนผสมให้ซอสเข้ากันดีค่ะ การคนรอบสองนี้จะช่วยให้รสชาติของซอสซึมเข้าไปในถั่วและฟองนัตโตะอย่างทั่วถึง ทำให้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นมื้อไหน นัตโตะฮามานะสึ ก็พร้อมเป็นสุดยอดอาหารสุขภาพที่ทำให้คุณรู้สึกดีได้ทุกวัน ลองสั่งไปชิม แล้วคุณจะติดใจกับความอร่อยที่มีประโยชน์ต่อร่างกายถ้วยนี้เลย!"
สัมผัสรสชาติ ชาเขียว มัทฉะ พรีเมี่ยม ที่ให้ความหอมสดชื่นอูมามิแบบต้นตำรับญี่ปุ่น
ชาเขียวมัทฉะ จากเมืองนิชิโอะ ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในชาเขียวคุณภาพสูงของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในรูปแบบชาเขียวมัทฉะ ซึ่งเมืองนี้มีชื่อเสียงด้านการผลิตมัทฉะเกรดพรีเมี่ยม เพราะใช้วิธีการร่มเงาก่อนเก็บเกี่ยว 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มปริมาณคลอโรฟิลล์ ทำให้ได้ใบชาสีเขียวสด และ ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ คาเทชิน และ แอล-ธีอะนีน ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและกระตุ้นสมาธิ และ ยังมีรสชาติหอมละมุน ละลายง่าย ไม่ขมฝาด หวานธรรมชาติ และ อูมามิแบบญี่ปุ่นแท้ๆ คนรักมัทฉะไม่ควนพลาด!!!
เหมาะสำหรับ
• ชงดื่มแบบร้อน-เย็น มัทฉะลาเต้ / โกจิฉะ / ชาเขียวสด
• ใช้ทำขนม เช่น ไดฟุกุ ไอศกรีม ชีสเค้ก มาการอง
• ใช้ในพิธีชงชาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
วิธีชงแบบดั้งเดิม (Usucha – ชาเข้มข้นแบบบาง)
• ตัก มัทฉะ 1-2 กรัม (ประมาณ ½ - 1 ช้อนชา) ลงในถ้วย
• เติม น้ำร้อน 70-80°C ประมาณ 70-100 มล.
• ใช้ แปรงไม้ไผ่ (Chasen) ตีเป็นรูปตัว M หรือ W จนเกิดฟองเนียนนุ่ม
• พร้อมดื่มทันที! ได้รสชาติหอมละมุน อูมามิเต็มคำ
วิธีชงมัทฉะลาเต้ (ร้อน / เย็น)
• ตัก มัทฉะ 2 กรัม (1 ช้อนชา) ลงในแก้ว
• เติม น้ำร้อน 50 มล. คนให้ละลาย
• เติม นมสดหรือนมทางเลือก 150-200 มล. (ร้อนหรือเย็น)
• เติมน้ำแข็ง (ถ้าชงแบบเย็น) และเพิ่มความหวานตามชอบ
✨ เคล็ดลับ: ใช้น้ำร้อน 70-80°C หลีกเลี่ยงน้ำเดือดเกินไปเพื่อคงความหวานและอูมามิของมัทฉะ
ประโยชน์ของมัทฉะ
• ช่วยเพิ่มพลังงาน: มัทฉะมีสาร L-theanine ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายแ ต่ยังคงความกระปรี้กระเปร่า
• ช่วยเผาผลาญไขมัน: มัทฉะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
• บำรุงผิวพรรณ: สารต้านอนุมูลอิสระในมัทฉะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์
• ช่วยลดคอเลสเตอรอล: ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
นัตโตะรสบ๊วยสดชื่น ที่ทำให้คุณตกหลุมรักได้ง่ายขึ้น
สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นทาน นัตโตะ (Natto) แต่ยังกังวลกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ หรือผู้ที่ทานนัตโตะอยู่แล้วแต่อยากได้รสชาติใหม่ ๆ ที่ทานง่ายและอร่อยสดชื่น เราขอแนะนำ นัตโตะบ๊วย ฮามานะสึ (Hamanasu) สูตรพิเศษจากญี่ปุ่น ที่จะทำให้ประสบการณ์ทานนัตโตะของคุณเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ความลับของความอร่อยที่ลงตัว นัตโตะบ๊วยถ้วยนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความอร่อยที่ทานง่ายที่สุด
• รสชาติไม่จำเจ: จุดเด่นคือการใช้ ซอสบ๊วย (Ume) ที่ทำจากบ๊วยบดพิเศษ ช่วยเพิ่มความเปรี้ยวอมหวานและความหอมสดชื่น (香り爽やか) เข้ามาตัดกับกลิ่นของถั่วเหลืองหมักได้อย่างลงตัว ทำให้ทานง่ายกว่านัตโตะทั่วไปมาก
• ถั่วคุณภาพดีจากฮอกไกโด: คัดสรรถั่วเหลืองเม็ดเล็ก (Kotsubu Daizu) คุณภาพเยี่ยมจาก ฮอกไกโด ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสะอาดและคุณภาพของวัตถุดิบ ทำให้ถั่วมีความอร่อยในตัวและสัมผัสที่เนียนนุ่มกำลังดี
• สุขภาพดีเต็มถ้วย: แม้จะรสชาติดีกว่าเดิม แต่คุณค่าทางอาหารยังครบถ้วน! นัตโตะ อัดแน่นไปด้วยโปรไบโอติก วิตามิน K2 และเอนไซม์นัตโตะไคเนส ที่ช่วยเรื่องการย่อยอาหารและบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
วิธีทำความอร่อยง่าย ๆ
นัตโตะบ๊วยฮามานะสึ พร้อมเป็นมื้ออร่อยของคุณในทุกเช้า:
1. นำนัตโตะมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30-60 นาที เพื่อให้นัตโตะที่แช่แข็งไว้ละลาย
2. แกะซอง นัตโตะ และเทซอสบ๊วยที่แถมมาลงไป
3. ใช้ตะเกียบคน นัตโตะ อย่างรวดเร็วจนเกิดฟองและเส้นใยเหนียว ๆ
4. ทานคู่กับข้าวสวยญี่ปุ่นร้อน ๆ ได้ทันที! ความเปรี้ยวอมหวานของบ๊วยจะช่วยเปิดต่อมรับรสและทำให้ข้าวอร่อยขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
เคล็ดลับการคนนัตโตะให้ฟู
หัวใจสำคัญของการทาน นัตโตะ คือการคนค่ะ การคนนัตโตะไม่ได้มีแค่เรื่องความเหนียว แต่เป็นการดึงเอาสารอาหารสำคัญอย่าง เอนไซม์นัตโตะไคเนสออกมาทำงาน และยังช่วยให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ 1: คนก่อนปรุงรส
• ตักซอสออกก่อน: นำซอง ซอสรสบ๊วยและมัสตาร์ด (ถ้ามี) ออกจากถ้วยก่อนค่ะ
• เริ่มคนเปล่า ๆ: ใช้ตะเกียบหรือส้อม คนนัตโตะในถ้วยอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
- เน้นความเร็ว: ไม่จำเป็นต้องคนวนเป็นวงกลมแบบเป๊ะ ๆ แต่เน้นการคนแบบซิกแซ็กสลับไปมาด้วยความเร็วค่ะ
- จำนวนครั้ง: ให้คนอย่างน้อย 50 ครั้ง ค่ะ พอคนไปเรื่อย ๆ คุณจะสังเกตเห็นว่านัตโตะเริ่มมี ฟองสีขาวขุ่น และ ใยเหนียว ๆ เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก
ขั้นตอนที่ 2: คนพร้อมปรุงรส
• เติมซอสบ๊วย: เมื่อนัตโตะเริ่มเป็นฟองได้ที่แล้ว ให้ใส่ ซอสรสบ๊วย (หรือเครื่องปรุงอื่น ๆ ตามชอบ) ลงไป
• คนต่ออีก 10-20 ครั้ง: คนผสมให้ซอสเข้ากันดีค่ะ การคนรอบสองนี้จะช่วยให้รสชาติของซอสซึมเข้าไปในถั่วและฟองนัตโตะอย่างทั่วถึง ทำให้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
ทำไมต้องคนเยอะขนาดนั้น?
การคนนัตโตะจะช่วยกระตุ้นการสร้างใยเมือกเหนียวๆ ซึ่งเป็นตัวการของความอร่อยและสุขภาพดี ใยเหล่านี้คือกรดกลูตามิก ซึ่งเป็นแหล่งของรสอูมามิหรือรสชาติกลมกล่อม ยิ่งคนมาก ใยยิ่งเยอะ รสชาติก็จะยิ่งนุ่มละมุนลิ้น และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น
ลองทำตามดูนะคะ รับรองว่า นัตโตะรสบ๊วย ถ้วยนี้จะอร่อยฟู เหนียวได้ที่ ถูกใจแน่นอนค่ะ!
สัมผัสความอร่อยระดับพรีเมียม ที่ชาวญี่ปุ่นหลงรัก
“อิคุระ” คือไข่ปลาแซลมอน เป็นวัตถุดิบระดับพรีเมียมที่ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้ในอาหารมานานหลายศตวรรษ ด้วยเม็ดไข่สีส้มใสที่ระยิบระยับเหมือนอัญมณี และรสชาติกลมกล่อมเค็มนุ่มติดหวานละมุนในแบบทะเลเหนือแท้ ๆ ไข่ปลาแซลมอนถูกหมักด้วยโชยุสูตรเฉพาะ ทำให้รสชาติเข้มข้นขึ้นอีกระดับ ทั้งหอม ทั้งนัว ลักษณะเม็ดโตใส เนื้อสัมผัสเด้งดึ๋ง แตกโพละในปาก พร้อมรสชาติอูมามิจากโชยุชั้นดี แค่โรยบนข้าวสวยร้อนๆ ก็เปลี่ยนมื้ออาหารธรรมดาให้เป็นเมนูระดับภัตตาคารได้ทันที เหมาะกับอาหารญี่ปุ่นแทบทุกชนิด ตั้งแต่ด้ง ซูชิ ไปจนถึงเมนูสไตล์ฟิวชัน ไข่ปลาแซลมอนกล่องนี้ ยังเหมาะกับคนรักอาหารญี่ปุ่นที่อยากสนุกกับการทำอาหารเองที่บ้าน แค่เปิดกล่อง ก็พร้อมเสิร์ฟความพรีเมียมในไม่กี่วินาที และยังเต็มไปด้วยโอเมก้า-3 ช่วยบำรุงสมองและหัวใจอีกด้วย ถ้าคุณกำลังมองหาวัตถุดิบระดับร้านอาหาร บอกเลยว่า “อิคุระ” คือคำตอบที่ใช่ อร่อย ทานง่าย พรีเมียม ทานได้ทุกโอกาส
ไข่ปลาแซลมอนหมักโชยุคืออะไร?
• คือไข่ของปลาแซลมอน (Salmon Roe) ที่ผ่านกระบวนการทำความสะอาดและนำไป หมักในน้ำซอสโชยุปรุงรสสูตรพิเศษ ของญี่ปุ่น ทำให้ไข่ปลามีรสเค็มกลมกล่อมและอูมามิ (รสชาติอร่อยล้ำลึก) โดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม
• ทำไมต้องหมักโชยุ : การหมักโชยุเป็นการถนอมอาหารและเพิ่มรสชาติแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทำให้ได้รสชาติที่ลงตัวที่สุด พร้อมรับประทานได้เลยทันทีที่ละลายน้ำแข็ง
• Ikura ต่างจาก Mentaiko อย่างไร : Ikura คือไข่ปลาแซลมอนเม็ดใหญ่ สีส้มแดงใส รสชาติเค็มกลมกล่อม แตกโพละในปาก ส่วน Mentaiko (เมนไทโกะ) คือไข่ปลาค็อดหรือปลา Pollock ที่มีขนาดเล็กกว่าและมักมีรสเผ็ด
การละลายน้ำแข็ง (สำคัญมาก!)
• วิธีที่ดีที่สุด: ย้ายอิกุระจากช่องแช่แข็งไปไว้ใน ช่องแช่เย็น (ตู้เย็นธรรมดา) ทิ้งไว้ข้ามคืน (ประมาณ 8-12 ชั่วโมง) เพื่อให้ละลายช้าๆ การละลายแบบนี้จะรักษาคุณภาพและเนื้อสัมผัสของไข่ปลาได้ดีที่สุด
• สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: ห้ามแช่น้ำร้อน หรือวางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง เพราะจะทำให้ไข่ปลาเสียเนื้อสัมผัสและความสด
วิธีรับประทาน (ง่ายและอร่อย)
• เริ่มต้นง่ายๆ: Ikura Don (ข้าวหน้าอิกุระ) ตักไข่ปลาแซลมอนโรยบนข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ ที่ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูข้าวเล็กน้อย
• เพิ่มความพรีเมียม: ใช้เป็นท็อปปิ้งบนซูชิ (เช่น Gunkan Maki), แซลมอนซาชิมิ, หรือใช้ผสมกับสลัดญี่ปุ่น
เปิดประสบการณ์รสชาติของข้าวญี่ปุ่นแท้ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งข้าว" ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยคุณภาพที่โดดเด่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ค่ะ
ข้าวชิ้นนี้คือ ข้าวโคชิฮิคาริ (Koshihikari) ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์ยอดนิยมและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวที่มาจากจังหวัด นีงาตะ (Niigata) ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงด้านคุณภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น จังหวัดนีงาตะได้รับพรจากสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปลูกข้าวชั้นดี เช่น ดินที่อุดมสมบูรณ์จากตะกอนแม่น้ำสำคัญอย่างแม่น้ำชินาโนะ (Shinano River) และแม่น้ำอะงาโนะ (Agano River) รวมถึงมีน้ำบริสุทธิ์จากหิมะที่ละลาย (Snowmelt Water) และที่สำคัญคือ ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน ที่สูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาความหวานและรสชาติของข้าว
ข้าวโคชิฮิคาริสายพันธุ์นีงาตะมีจุดเด่นหลัก ๆ ที่ทำให้เป็นที่รักของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน
ความเหนียวและหนึบ (Stickiness): มีสัมผัสที่ เหนียวหนึบ (Mochimochi) และยืดหยุ่นกำลังดี ไม่แข็งกระด้าง
ความหวานและอูมามิ (Sweetness & Umami): มีรสหวานตามธรรมชาติที่ชัดเจน และมีรส อูมามิ (Umami) ที่เข้มข้นในทุกเม็ด
กลิ่นหอมและเงางาม: เมื่อหุงสุกแล้วจะมี กลิ่นหอมที่ละมุน และเมล็ดข้าวจะมีความ เงางามเป็นประกาย น่ารับประทาน
ด้วยรสชาติที่โดดเด่นและสมดุล ทำให้ข้าวโคชิฮิคาริจากนีงาตะอร่อยมากแม้ว่าจะทานเปล่า ๆ โดยไม่ต้องมีกับข้าวค่ะ นอกจากนี้ยังรักษาความอร่อยไว้ได้ดีแม้จะเย็นลง จึงเหมาะมากสำหรับทำข้าวปั้น โอนิกิริ (Onigiri) หรือใส่ในกล่องข้าวเบนโตะ (Bento)
เมนูแนะนำ (Recipe Suggestion)
ข้าวโคชิฮิคาริมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่สมดุล ทำให้เข้ากันได้ดีกับอาหารหลากหลายประเภทค่ะ:
ข้าวสวย (Plain White Rice): ทานเปล่า ๆ คู่กับเครื่องเคียงง่าย ๆ อย่างซุปมิโสะ (Miso Soup) และผักดอง (Tsukemono) เพื่อสัมผัสรสชาติแท้ ๆ ของข้าว
ซูชิ (Sushi) และโอนิกิริ (Onigiri): ด้วยความเหนียวหนึบ ทำให้ปั้นได้ง่ายและคงรูปได้ดีเมื่อเย็นลง
เมนูอาหารญี่ปุ่นทั่วไป: เหมาะสำหรับทานคู่กับอาหารญี่ปุ่นแทบทุกชนิด เช่น ปลาย่าง, เทมปุระ (Tempura) หรือข้าวหน้าต่าง ๆ (Donburi)
วิธีใช้หรือวิธีเตรียม (Usage Instruction)
เพื่อให้ได้ข้าวที่อร่อยที่สุด ควรทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
1. ซาวข้าว (Rinsing): ซาวข้าวอย่างเบามือเพื่อล้างฝุ่นออก เปลี่ยนน้ำประมาณ 2-3 ครั้ง จนน้ำเริ่มใส
2. แช่น้ำ (Soaking): แช่ข้าวในน้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ในฤดูร้อน หรือ 60 นาที ในฤดูหนาว เพื่อให้ข้าวดูดซึมน้ำอย่างเต็มที่
3. หุง (Cooking): หุงตามอัตราส่วนน้ำที่ระบุบนเครื่องหุงข้าว หรือใช้อัตราส่วนข้าว 1 ส่วนต่อน้ำประมาณ 1.1 - 1.2 ส่วน
4. พักข้าว (Steaming): เมื่อหุงเสร็จแล้ว ห้ามเปิดฝา ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้ไอน้ำระอุและข้าวสุกทั่วถึง ก่อนจะใช้ไม้พายคลุกเบา ๆ ก่อนตักเสิร์ฟค่ะ
ลองนำข้าวโคชิฮิคาริจากนีงาตะไปหุงดูสิคะ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมข้าวญี่ปุ่นแท้ ๆ ถึงมีเสน่ห์และเป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ที่คุณก็สามารถสร้างสรรค์ความอร่อยนี้ได้ที่บ้านค่ะ